Content Marketing กลยุทธ์สำคัญที่คนทำธุรกิจต้องรู้!
คุณอาจจะรู้ตัวหรือไม่ก็ได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพบบนโลกออนไลน์ตามเว็บไซต์หรือ Social Media ต่าง ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่เรียกว่า Content Marketing ทั้งสิ้น ซึ่ง Content Marketing ก็มีอยู่หลายประเภท หลายรูปแบบ และสารพัดจุดประสงค์เลยทีเดียว ทำไมใคร ๆ ก็บอกว่าการทำ Content Marketing เป็นทางลัดในการทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ได้? ถ้าคุณสงสัยในเรื่องนี้อยู่ล่ะก็ ADCHARIYA ขอชวนคุณมาไขความลับของเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันกับเรา ในบทความนี้เลย!
Content Marketing คืออะไร
Content Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้ “เนื้อหา” เข้ามาเป็นหัวใจหลักเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ทางการตลาดตามที่ต้องการ อาจจะเป็นการนำเสนอเนื้อหาที่ผู้ติดตามต้องการ หรือจะเป็นเนื้อหาที่แบรนด์อยากให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ก็ได้ โดย Content Marketing จะหมายถึงรูปแบบของเนื้อหาทั้งหมดที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเป้าหมายทางการตลาดนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ, วิดีโอ, รูปภาพ หรือรูปแบบอื่น ๆ ก็ตาม

ความสำคัญและประโยชน์ของการทำ Content Marketing
คนที่ไม่ได้คลุกคลีกับแวดวงการตลาดออนไลน์มากนัก อาจจะยังไม่เข้าใจว่า Content Marketing มีความสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร ก่อนอื่นต้องกล่าวว่า Content Marketing เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกลยุทธ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และทำให้ทุกกลยุทธ์เหล่านั้นมีความแข็งแรงและประสบผลสำเร็จได้ ไม่ว่าจะเป็น 7Ps Marketing (ส่วนผสมทางการตลาด), SEO (Search Engine Optimization), Email Marketing, Social Media Marketing หรือ Advertising (การยิงโฆษณา) ก็ตาม
การทำ Content Marketing เสมือนเป็นใบเบิกทางให้กลุ่มเป้าหมายเข้ามารู้จักและใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น ค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันผ่านเนื้อหาประเภทต่าง ๆ พร้อมกับทำให้จำนวน Lead (กลุ่มเป้าหมายที่อาจเป็นลูกค้าของคุณ) เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายถูกกระตุ้นให้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ การทำ Content Marketing ยังมีประโยชน์และส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณมากมาย ด้วยเหตุนี้ Content Marketing จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรค่าแก่การลงทุนลงแรงทำในยุคนี้เป็นที่สุด
และนี่คือสิ่งที่ธุรกิจของคุณจะได้รับจากการทำ Content Marketing
- สร้างการรับรู้แบรนด์ (Brand Awareness)
Content Marketing ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์และทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว อาทิ การยิงโฆษณา Facebook Ads เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายทราบว่าแบรนด์ของคุณขายสินค้านี้อยู่ หรือการทำ SEO บนเว็บไซต์ เพื่อดึงดูดให้ผู้คนเข้ามาใช้งานและรับรู้ว่าแบรนด์ของคุณให้บริการอะไรบ้าง เป็นต้น
- สร้างความน่าเชื่อถือ (Brand Authority)
หากคุณทำ Content Marketing ในลักษณะที่ให้ข้อมูลความรู้ พร้อมลงรายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่คุณมี อย่างการเขียนบทความบนเว็บไซต์ สิ่งนี้จะช่วยให้คุณดูเชี่ยวชาญและน่าเชื่อถือมากกว่าคู่แข่งเป็นไหน ๆ และส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายตัดสินใจเลือกแบรนด์ของคุณสูงกว่าคู่แข่ง
- สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Image)
คุณสามารถทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าแบรนด์ของคุณมีคุณมีจุดยืนและมีค่าต่อพวกเขาอย่างไรได้ง่าย ๆ ด้วยการทำ Content Marketing ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น โปรโมตภาพรวมของแบรนด์ผ่านการทำ Video Marketing, บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์, ทำคอนเทนต์เปรียบเทียบจุดแข็งของคุณ VS คู่แข่งในรูปแบบของภาพ Infographic, แนะนำสินค้าผ่านการทำ Facebook Album Post หรือการผลิตคอนเทนต์เกี่ยวกับแบรนด์และสินค้าลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เป็นต้น
- สร้างความจงรักภักดี (Brand Loyalty)
สร้างความจงรักภักดีและทำให้ลูกค้าทั่วไปกลายมาเป็นลูกค้าประจำได้ไม่ยาก โดยการนำเสนอ Content Marketing ที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า อาทิ คอนเทนต์ที่ช่วยคลายข้อสงสัยในเรื่องต่าง ๆ , คอนเทนต์โปรโมชันพิเศษสำหรับลูกค้าเก่า, คอนเทนต์ประกาศแจ้งเรื่องการใช้คูปองสะสมแต้ม ฯลฯ เพราะยิ่งคุณใส่ใจลูกค้ามากแค่ไหน ก็จะทำให้ลูกค้าตกหลุมรัก และพร้อมที่จะภักดีต่อคุณด้วยการซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง
- กระตุ้นยอดขายในช่องทางต่าง ๆ
Content Marketing ช่วยกระตุ้นยอดขายได้ดีมาก ลองนึกดูว่าหากแฟนเพจหรือช่องทางของคุณไม่มีคอนเทนต์อะไรเลย ไร้การโปรโมตทุกช่องทาง ไม่มีแม้แต่ข้อมูลของสินค้าหรือรูปภาพสินค้า ยอดขายของคุณจะเป็นอย่างไร? คงจะไม่ดีอย่างแน่นอน การทำ Content Marketing จะทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมากขึ้นและช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี
Content Marketing มีกี่ประเภท
ประเภทของ Content Marketing มีมากกว่า 10 ประเภทเลยทีเดียว ดังนั้น เราจะขอจัดเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ Content Marketing ที่แบ่งประเภทด้วยรูปแบบ (Format), ลักษณะของเนื้อหา และวัตถุประสงค์ ดังนี้
แบ่งตามรูปแบบของ Content Marketing

- Blog Content การเขียนบทความลงบนเว็บไซต์ อย่างบทความ SEO ที่คุณกำลังอ่านอยู่ในขณะนี้! โดยวิธีนี้เป็นการทำ Inbound Marketing ที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงมาก
- Video Content คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้นใน TikTok, วิดีโอยาวใน YouTube หรือ Live บน Facebook ก็ล้วนเป็น Video Content ทั้งสิ้น
- Single Photo Content คอนเทนต์แบบภาพเดี่ยว อาจจะใช้ในการนำเสนอสินค้า ให้ข้อมูลสินค้า หรือให้ความรู้ก็ได้ แต่เนื้อหาด้านในจะสั้นกระชับได้ใจความ
- Album Content คอนเทนต์รูปภาพที่มีหลาย ๆ ภาพประกอบกันเป็นคอนเทนต์เดียว มักจะใช้ในการให้ข้อมูลหรือถ่ายทอดสิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือจะใช้ในการโปรโมตสินค้าก็ได้เช่นกัน
- Infographic Content คอนเทนต์รูปภาพที่มีภาพกราฟิก ภาพแผนภูมิ และข้อความอธิบายเนื้อหาประกอบรวมอยู่ใน 1 ภาพ ซึ่งจะเป็นการอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ แบบครบจบในครั้งเดียว
- Podcast Content คอนเทนต์ที่อยู่ในรูปแบบเสียง ที่มีผู้ดำเนินรายการหลัก 1 คน และอาจจะมีการเชิญบุคคลอื่น ๆ มาร่วมพูดคุย หรือบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ คล้าย ๆ กับการฟังวิทยุ
แบ่งตามลักษณะของเนื้อหา

- Solvable Content คอนเทนต์ที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้า
- Promotional Content คอนเทนต์ส่งเสริมการขาย อาทิ แจกส่วนลด แจกสินค้า หรือแจ้งโปรโมชันใหม่ เพื่อกระตุ้นยอดขาย
- Real Time Content คอนเทนต์ตามกระแส ช่วยเรียกยอด Engagement และทำให้แบรนด์ของคุณดูก้าวทันตามเทรนด์ใหม่ ๆ
- Quote Content คอนเทนต์ที่นำคำพูดของเจ้าของแบรนด์ หรือบุคคลที่มีชื่อเสียงมาทำเป็นภาพกระตุ้นยอด Engagement
- Question & Answer Content คอนเทนต์ถาม-ตอบ คลายข้อสงสัยในเรื่องต่าง ๆ
แบ่งตามวัตถุประสงค์ทางการตลาด
Paid Ad Content เป็นคอนเทนต์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณาออกไปเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นคอนเทนต์และ Action ตามที่เราต้องการ เช่น ไปยัง Landing Page บนเว็บไซต์, ไปยัง Facebook Messenger, เพิ่มเพื่อนใน LINE OA หรืออื่น ๆ
Content Marketing ที่ดี ควรเป็นอย่างไร
- สามารถสื่อสารให้ผู้อ่านเข้าใจได้ในครั้งเดียว
- ช่วยแก้ปัญหาและคลายข้อสงสัยให้แก่ลูกค้าได้ดี
- ผลิตมาเพื่อกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มแบบเฉพาะเจาะจง
- มีความสดใหม่ ทันสมัย ทันตามเทรนด์และกระแสต่าง ๆ
- มีวิธีการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและชวนให้ติดตาม
- เผยแพร่คอนเทนต์ในแต่ละช่องทางอย่างสม่ำเสมอ
- ส่งคอนเทนต์ออกไปในความถี่ที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปและไม่น้อยจนเหมือนไม่อัปเดต
- คอนเทนต์ต้องตอบโจทย์หรือสร้างประโยชน์ให้แก่ธุรกิจของคุณได้
- มีเนื้อหาในเชิงบวก ไม่โจมตีคู่แข่ง และไม่ขัดต่อหลักจริยธรรม
- เผยแพร่คอนเทนต์หลาย ๆ หัวข้อ หลาย ๆ รูปแบบ ไม่ซ้ำจำเจ
แจกลิสต์เครื่องมือทำ Content Marketing
จากที่เราอ่านมาตั้งแต่ต้นบทความจนถึงหัวข้อนี้ จะพบได้ว่า Content Marketing เป็นเรื่องที่ค่อนข้างกว้าง หากจะทำให้สำเร็จได้จะต้องมีการวางแผนที่ดี วิเคราะห์อย่างแม่นยำ เผยแพร่ในช่องทางที่เหมาะสม และมีการสานความสัมพันธ์กับลูกค้า เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ ทำให้เครื่องมือที่ใช้ในการทำ Content Marketing จึงไม่ได้มีอยู่แค่หนึ่งหรือสองตัวเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ เราจะมาแนะนำเครื่องมือทำ Content Marketing โดยแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1. เครื่องมือช่วยทำ SEO
SEO หรือ Search Engine Optimization คือการทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับบน Search Engine อย่าง Google ที่เราใช้กันเป็นประจำทุกวันนี่เอง โดยการที่เราจะทำ SEO ได้สำเร็จลุล่วงนั้น จะต้องมีการเลือกคีย์เวิร์ด (Keyword) ให้เป็น, เขียนคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ, ปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีความรวดเร็วและเหมาะกับการใช้งาน และยังรวมไปถึงการปรับแต่งเชิงเทคนิคต่าง ๆ ด้วย เครื่องมือ SEO ฉบับพื้นฐานที่เราอยากแนะนำ คือ
- Google Search Console ใช้ตรวจสอบประสิทธิภาพของเว็บไซต์และ SEO ที่ทำไป
- Google Analytics ใช้จัดเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ของมูลของ User ที่เข้ามาบนเว็บไซต์
- Google Keyword Planner ใช้ในทำ Keyword Research หรือค้นหาคีย์เวิร์ดที่ใช่กับธุรกิจ
- Google PageSpeed Insights ใช้ตรวจสอบความเร็วเว็บไซต์ว่าตรงตามเกณฑ์ของ Google หรือไม่
- Google My Business ใช้สำหรับการทำ Local SEO หรือการทำ SEO แบบเจาะจงแต่ละพื้นที่
- Ahrefs ใช้วิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำ SEO อย่างละเอียด
- Yoast SEO ตัวช่วยที่จะทำให้บทความบนเว็บไซต์ของคุณมีความสมบูรณ์ในแง่ของ SEO มากที่สุด
2. เครื่องมือทำโฆษณา
การทำโฆษณา (Advertising) เป็นการจ่ายเงิน เพื่อทำให้คนมองเห็นคอนเทนต์ของเรา หากคุณหยุดจ่ายเงินเมื่อไหร่ โฆษณาก็จะหยุดการเผยแพร่เมื่อนั้น ซึ่งการยิงแอดก็สามารถทำได้หลายช่องทาง โดยการใช้เครื่องมือของช่องทางนั้น ๆ อาทิ เครื่องมือ Google Tag Manager ใช้จัดการ Tag สำหรับการทำ Google Ads หรือ Facebook Business Suite ใช้การยิงโฆษณา Facebook Ads เป็นต้น
3. เครื่องมือหาไอเดียทำคอนเทนต์
เครื่องมือนี้ตอบโจทย์สำหรับนักการตลาดและ Content Creator ทุกคนอย่างมาก เพราะจะช่วยผ่อนคลายไม่ให้คุณเครียดจนเกินไป กับการคิดหัวข้อคอนเทนต์ใหม่ ๆ ในทุก ๆ เดือน เนื่องจากเครื่องมือเหล่านี้จะแนะนำและคิดแทนคุณได้ว่าคุณควรใช้หัวข้ออะไรในการทำคอนเทนต์ หรือเรื่องไหนที่กำลังเป็นประเด็นอยู่นั่นเอง
- Google Trends ใช้ติดตามเทรนด์ที่เป็นกระแสในขณะนั้น เพื่อทำมาทำ Real Time Content หรือหาไอเดียทำคอนเทนต์ใหม่ ๆ
- ChatGPT ช่วยหาไอเดียเขียนคอนเทนต์ วางโครงสร้างเนื้อหา หรือให้ข้อมูลต่าง ๆ ได้ดี
- BuzzSumo หาไอเดียทำคอนเทนต์จากการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เราต้องการลงไป จากนั้นคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดดังกล่าวจะปรากฏขึ้นมาให้เห็น
4. เครื่องมือเผยแพร่คอนเทนต์
คอนเทนต์บนโลกออนไลน์จะมีการเผยแพร่บน 2 ช่องทางหลัก คือ เครื่องมือการสร้างเว็บไซต์ เช่น WordPress หรือ WIX ที่เหมาะกับการเผยแพร่คอนเทนต์ยาว ๆ อย่างบทความ และ Social Media อย่าง Twitter (X), Facebook, LINE OA, Instagram และ TikTok ที่ใช้ในการเผยแพร่คอนเทนต์ที่เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่องทาง รวมถึงเหมาะกับการทำ Real Time Content ด้วย
5. เครื่องมือลูกค้าสัมพันธ์
เครื่องมือลูกค้าสัมพันธ์ หรือเครื่องมือที่ใช้ในการทำ CRM (Customer Relationship Management) จะช่วยให้แบรนด์และลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น เพื่อทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดกลับไป รวมทั้งยังทำให้ลูกค้าขาจรทั้งหลายกลายมาเป็นลูกค้าประจำได้อีกด้วย ตัวอย่างเครื่องมือลูกค้าสัมพันธ์คือ Hubspot, Zoho CRM, Monday Sales CRM, Salesforce และ NetSuite เป็นต้น
สรุปเรื่อง Content Marketing
สรุปได้ว่า Content Marketing คือ การทำให้ลูกค้าได้รับสารที่แบรนด์อยากสื่อออกไปตามวัตถุประสงค์ทางการตลาดที่แบรนด์ต้องการ โดยผ่านการทำคอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งรูปภาพ วิดีโอ บทความ Podcast และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งถ้าคุณอยากทำการตลาดออนไลน์ของคุณประสบความสำเร็จ คุณควรทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและสามารถมอบประโยชน์ให้แก่ลูกค้าได้จริง ๆ และคุณก็จะได้ประโยชน์ทางธุรกิจกลับมาในท้ายที่สุด

Leave a Reply