Display Advertising คืออะไร มีกี่ประเภท มีประโยชน์ยังไง

ตอนที่คุณเข้าไปท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ เคยสังเกตไหมว่ามีโฆษณาคอยดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้เราอยากกดคลิกอยู่บ่อย ๆ ทั้งในรูปแบบของภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และวิดีโอ ซึ่งโฆษณาเหล่านี้เรียกว่า “Display Advertising” นั่นเอง เป็นอีกหนึ่งวิธีในการทำการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูง และสามารถต่อยอดไปยังการปิดการขายได้ หากคุณผิดหวังจากการตลาดแบบ Organic มาก่อน และต้องการผลักดันยอดขายให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง Display Advertising เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก

ADCHARIYA จะพาคุณไปรู้จักว่า Display Advertising คืออะไร มีจุดเด่นอย่างไร มีประเภทใดบ้าง เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจ และทำอย่างไรให้โฆษณามีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เลย

Display Advertising คืออะไร

Display Advertising คือ รูปแบบโฆษณาออนไลน์ที่ใช้ภาพ วิดีโอ ข้อความ หรือแบนเนอร์ เพื่อสื่อสารและโน้มน้าวให้ลูกค้าสนใจสินค้าหรือบริการของธุรกิจ เป้าหมายหลักคือดึงดูดความสนใจ กระตุ้นให้คลิกโฆษณา และเข้าสู่เว็บไซต์ หน้าเพจ Facebook หรือหน้า Sale page ของธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย นอกจากนี้ Display Advertising ยังเหมาะกับธุรกิจทุกประเภทด้วย ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ก็ตาม

ตัวอย่างธุรกิจที่เหมาะกับการใช้ Display Advertising

• ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ : โฆษณาสินค้าและนำเสนอโปรโมชัน เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ
• ธุรกิจบริการ : โฆษณาบริการที่มี เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์
• ธุรกิจการศึกษา : โฆษณารายวิชาและหลักสูตร เพื่อดึงดูดผู้เรียนใหม่ ๆ 
• ธุรกิจท่องเที่ยว : โฆษณาสถานที่ท่องเที่ยวและแพ็กเกจท่องเที่ยว กระตุ้นยอดการจอง
• ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม : โฆษณาสินค้าและโปรโมชัน เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่

ประโยชน์ของ Display Advertising

มาดูกันว่าประโยชน์ของ Display Advertising ในการทำธุรกิจจะมีอะไรกันบ้าง

ขยายฐานลูกค้า เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย

Display Advertising ช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้นผ่านการกำหนดเป้าหมายที่ละเอียด คุณสามารถเลือกแสดงโฆษณาเฉพาะกลุ่มคนที่มีความสนใจ มีพฤติกรรม มีข้อมูล หรืออยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้ เช่น ธุรกิจเสื้อผ้าเด็ก สามารถกำหนดเป้าหมายของแคมเปญเป็นผู้หญิง อายุ 25-40 ปี   อาศัยอยู่ในเขตเมือง มีความสนใจในแฟชั่นเด็กได้

ดึงดูดความสนใจ เพิ่มการจดจำ

Display Advertising นำเสนอโฆษณาในรูปแบบของรูปภาพ วิดีโอ ข้อความ หรือแบนเนอร์ ซึ่งดึงดูดความสนใจได้มากกว่าข้อความธรรมดา รูปแบบโฆษณาที่หลากหลายนี้ สามารถกระตุ้นการจดจำแบรนด์ สินค้า หรือบริการของคุณให้ฝังอยู่ในใจผู้บริโภค เช่น แทนที่จะเขียนคำอธิบายสินค้าโทรศัพท์มือถือยาว ๆ ก็ใช้ Display Advertising อธิบายฟีเจอร์ต่าง ๆ ของโทรศัพท์ในรูปแบบของภาพและวิดีโอแทน เพราะสามารถดึงดูดความสนใจและสร้างการจดจำได้ดีกว่า

สร้างการรับรู้แบรนด์

Display Advertising ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ ทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก น่าจดจำ และมีความน่าเชื่อถือ ผ่านการแสดงโฆษณาดิสเพลย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคคุ้นเคยกับแบรนด์ และจดจำแบรนด์ของคุณได้เป็นอย่างดี

กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ เพิ่มยอดขาย

Display Advertising สามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อ โดยการแสดงโฆษณาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับความต้องการของผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสมได้ เช่น ผู้บริโภคกำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าวิ่ง โฆษณารองเท้าวิ่งของคุณก็จะไปปรากฏบนเว็บไซต์ที่ผู้บริโภคกำลังอ่านอยู่

Display Advertising มีกี่ประเภท

Display Advertising หรือโฆษณาดิสเพลย์ มีอยู่หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีรูปแบบ ข้อดีและข้อเสีย   แตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. Image Ads

โฆษณาแบบรูปภาพ (Image Ads) เป็นรูปแบบโฆษณาดิสเพลย์ที่พบบ่อยที่สุด จะแสดงเป็นรูปภาพ โลโก้ หรือสินค้า เหมาะสำหรับการดึงดูดความสนใจ สร้างการจดจำ และกระตุ้นการตัดสินใจ อย่างโฆษณาแบนเนอร์ที่อยู่ในโซเชียลมีเดีย

2. Video Ads

โฆษณาแบบวิดีโอ (Video Ads) เป็นการแสดงวิดีโอสั้น ๆ เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ เหมาะสำหรับการบอกเล่าเรื่องราว อธิบายการใช้งาน และสร้างความสนใจ เช่น โฆษณาบน YouTube แบบ In-Stream เป็นต้น

3. Text Ads

โฆษณาแบบข้อความ (Text Ads) เป็นข้อความสั้น ๆ กระชับ แต่ได้ใจความ เหมาะสำหรับการนำเสนอข้อมูล โปรโมชัน หรือข้อเสนอพิเศษ เช่น โฆษณาแบบ Native Ads ใน Search Engine (Google Ads)

4. Rich Media Ads

โฆษณาแบบ Rich Media เป็นโฆษณาที่มีลูกเล่น มีการโต้ตอบ (Interactive) เพื่อดึงดูดความสนใจและสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับผู้ชม เช่น โฆษณาแบบ 360 องศาที่ผู้ชมสามารถหมุนภาพสินค้าได้ 360 องศา

5. Native Ads

โฆษณาแบบ Native Ads คือโฆษณาที่ออกแบบมาให้กลมกลืนไปกับเนื้อหาของเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่แสดงโฆษณา โดยไม่รู้สึกว่าเป็นโฆษณา เช่น โฆษณาแบบ Sponsored Content แบบ In-Feed

6. Retargeting Ads

โฆษณาแบบ Retargeting Ads การยิงโฆษณาแบบ Display Advertising ไปยังกลุ่มคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของคุณมาก่อน เช่น คุณเข้าไปดูสินค้าประเภทกระเป๋าเดินทางบนเว็บไซต์ขายอุปกรณ์ท่องเที่ยว แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อ ขณะที่คุณกำลังท่องเว็บไซต์อ่านข่าวในวันถัดไป คุณเห็นโฆษณา Display Advertising แสดงภาพกระเป๋าเดินทางที่คุณเคยดูบนเว็บไซต์ขายอุปกรณ์ท่องเที่ยวปรากฏอยู่

7. Programmatic Ads

โฆษณาแบบ Programmatic Ads เป็นการใช้ซอฟต์แวร์และอัลกอริทึมในการซื้อและขายพื้นที่โฆษณาดิสเพลย์ออนไลน์ โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายตาม demographics ความสนใจ พฤติกรรมการท่องเว็บ ฯลฯ วัดผลและปรับแต่งแคมเปญโฆษณาได้อย่างละเอียด รวมทั้งสามารถควบคุมงบประมาณและติดตามผลลัพธ์ได้อย่างละเอียด

Display Advertising ที่ดีเป็นอย่างไร

• รูปภาพหรือวิดีโอมีความคมชัด สวยงาม น่าสนใจ
• ใช้ข้อความสั้น ๆ กระชับ ตรงประเด็น และอ่านง่าย
• ใช้สีสันที่เหมาะสมและสะดุดตา
• พูดถึงจุดเด่นและประโยชน์ของสินค้าหรือบริการ
• มีรูปแบบโฆษณาที่เหมาะกับประเภทของสินค้า
• เนื้อหาโฆษณาตรงกับความสนใจ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
• แสดงโฆษณาในสถานที่ที่กลุ่มเป้าหมายมักใช้งานเป็นประจำ
• เพิ่ม Call to Action ที่ชัดเจนและกระตุ้นให้คลิก เช่น คลิกเลย, ซื้อเลย, ดูเพิ่มเติม ฯลฯ
• เสนอโปรโมชัน ส่วนลด หรือข้อเสนอพิเศษ
• เลือกตำแหน่งในการแสดงผลของโฆษณาที่เห็นได้ง่ายที่สุด

สรุปบทความเรื่อง Display Advertising

หัวใจสำคัญของการตลาดออนไลน์ คือการเข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Display Advertising คือเครื่องมือที่ยอดเยี่ยม สำหรับดึงดูดกลุ่มเป้าหมายและนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้าตามที่คุณต้องการ เพื่อให้ธุรกิจของคุณได้รับ ROI (Return on Investment) ที่คุ้มค่า ก้าวข้ามคู่แข่ง และประสบความสำเร็จนั่นเอง

วิธีการเลือกประเภทของ Display Advertising ให้เหมาะกับธุรกิจก็ไม่ยากอย่างที่คิด เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจลูกค้า เลือกแพลตฟอร์มที่เหมาะสม กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน จากนั้นก็จะรู้ได้ว่าระเภทของ Display Advertising ที่เหมาะสมคือแบบไหนกันแน่ ยกตัวอย่างเช่นธุรกิจขายเสื้อผ้า อาจจะใช้ได้ทั้งรูปภาพและวิดีโอ เป็นต้น