CPAS Ads

CPAS คืออะไร ตัวช่วยเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจผ่าน Facebook

ทุกวันนี้การเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) ด้วยการยิงโฆษณา Facebook Ads ทั่ว ๆ ไป อาจไม่ตอบโจทย์และสามารถเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจได้มากเท่าที่ควร CPAS คือทางเลือกใหม่ที่จะเข้ามาช่วยให้โฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยระบบที่ถูกออกแบบมาสำหรับการปิดการขายโดยเฉพาะ จึงทำให้ยอดขายของคุณสูงขึ้นกว่าเดิมได้หลายเท่าตัว ADCHARIYA เล็งเห็นว่า CPAS Ads คือรูปแบบการโฆษณาที่ตอบโจทย์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อีกทั้งยังมาแรงแบบฉุดไม่อยู่ในหมู่ของนักการตลาดในตอนนี้ด้วย เราจึงอยากจะมาแชร์เนื้อหาเกี่ยวกับ CPAS Ads ให้คุณทราบผ่านบทความนี้

CPAS คืออะไร

CPAS คือการโฆษณารูปแบบใหม่บน Facebook ที่เชื่อมโยงการทำงานระหว่างแบรนด์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเข้าด้วยกัน ซึ่งระบบนี้จะช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างแคมเปญโฆษณาสินค้าที่มีอยู่บนมาร์เก็ตเพลส อย่าง Shopee หรือ Lazada ให้มาแสดงผลบน Facebook Feed ในรูปแบบ Dynamic Ads ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามความสนใจของผู้ชมได้ โดย CPAS จะรวมทุกขั้นตอนไว้ในระบบเดียว ตั้งแต่การแสดงผลสินค้าไปจนถึงการวัดผลแคมเปญ ทำให้ช่วยลดความซับซ้อนในการทำแคมเปญและเพิ่มโอกาสในการปิดการขายได้มากขึ้น ซึ่ง CPAS ย่อมาจาก Collaborative Performance Advertising Solution นั่นเอง

โฆษณาบนเฟสบุ๊ค
  • ระบบ Dynamic Ads ที่แสดงสินค้าตามความสนใจของผู้ชมแต่ละคน โดยการวิเคราะห์จากพฤติกรรมการเลือกชมสินค้า
  • แสดงโฆษณาได้ทั้งบน Facebook และ Instagram ในแคมเปญเดียว
  • ช่วยเพิ่ม Conversion Rate และลดขั้นตอนการทำโฆษณาที่ซับซ้อน
  • สามารถวัดผลแคมเปญและติดตามยอดขายได้แบบ Real-time
  • มีการอัปเดตข้อมูลสินค้า ราคา และสต๊อกแบบอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาในการจัดการได้มาก
  • มีระบบ Retargeting ที่ช่วยติดตามลูกค้าที่เคยสนใจสินค้าแต่ยังไม่ซื้อสินค้าไป
  • ระบบ AI ช่วยวิเคราะห์และหากลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสซื้อสินค้าสูง
  • รองรับการทำแคมเปญโปรโมชันร่วมกับมาร์เก็ตเพลสได้โดยตรง
  • สินค้าต้องมีจำหน่ายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Facebook (Shopee, Lazada, LINE My Shop และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ WooCommerce หรือ Shopify เป็นต้น)

CPAS Ads ทำงานอย่างไร (พร้อมยกตัวอย่าง)

การทำงานของ CPAS จะเป็นการร่วมมือกันระหว่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและ Facebook โดยระบบจะเริ่มจากการที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซพาร์ทเนอร์ สร้างแค็ตตาล็อกสินค้าที่จัดหมวดหมู่แยกตามแบรนด์ไว้ให้ จากนั้นแบรนด์สามารถนำแค็ตตาล็อกนี้มาสร้างแคมเปญโฆษณาแบบ Dynamic Ads บน Facebook ที่จะปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมของผู้ชม เมื่อผู้ใช้คลิกที่โฆษณา CPAS ระบบจะพาไปยังหน้าสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซทันที โดยที่ไม่ต้องออกจาก Facebook ทำให้กระบวนการซื้อขายเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถติดตามและวัดผลแคมเปญได้แบบครบวงจร ตั้งแต่ Reach, Impressions ไปจนถึง ROI ด้วย

  1. แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสร้างแค็ตตาล็อกสินค้าแยกตามแบรนด์
  2. แบรนด์นำแค็ตตาล็อกมาสร้างแคมเปญ Dynamic Ads บน Facebook
  3. ตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย เลือกได้ทั้งกลุ่มใหม่หรือ Retargeting
  4. ระบบแสดงโฆษณาให้กลุ่มเป้าหมายที่กำหนด
  5. ผู้ใช้คลิกโฆษณาเพื่อไปยังหน้าสินค้าบนแพลตฟอร์ม
  6. ระบบติดตามและวัดผลแคมเปญแบบ Real-time
ตัวอย่าง CPAS

ตัวอย่างการทำ CPAS Ads

ตัวอย่างการทำ CPAS Ads ของแบรนด์สินค้าเสื้อผ้าผู้หญิงวัยทำงาน “Cara Blue Studio” ที่มีหน้าร้านบน Shopee และ Lazada พบว่ามีคนเข้าชมสินค้าเยอะแต่อัตราการปิดการขายต่ำ จึงตัดสินใจใช้ CPAS เพื่อเพิ่มยอดขาย

  1. การเตรียมแค็ตตาล็อกสินค้า
  • จัดหมวดหมู่สินค้าตามประเภท
  • แยกสินค้าตามคอลเลคชั่น
  • ตั้งราคาและโปรโมชั่นแยกตามแต่ละแพลตฟอร์ม
  1. การตั้งค่ากลุ่มเป้าหมาย
  • อายุ 25-45 ปี
  • อาชีพพนักงานออฟฟิศ, ผู้บริหาร, อาชีพอิสระ ฯลฯ
  • มีพฤติกรรมสนใจแฟชั่น และชอบช้อปปิ้งออนไลน์
  1. การทำ Dynamic Ads
  • แสดงชุดทำงานที่ลูกค้าเคยดู พร้อมนำเสนอสินค้าที่เข้าชุดกัน
  • แสดงราคาพิเศษสำหรับการซื้อเป็น Set
  • มีแท็กไลน์เพิ่มความน่าสนใจ “Work with Style, Success with Cara Blue”
  1. ตั้งค่าแคมเปญ
  • แคมเปญที่ 1 สำหรับคนที่เพิ่งเข้าชมสินค้า
  • แคมเปญที่ 2 สำหรับคนที่เคยเพิ่มสินค้าใส่ตะกร้า
  • แคมเปญที่ 3 สำหรับลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไปแล้ว
  1. ผลลัพธ์ที่คาดว่าจะได้รับ
  • เพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจได้ 30-40%
  • เพิ่มอัตราการกลับมาซื้อสินค้าซ้ำ
  • สร้างฐานลูกค้าประจำ
  • ลดต้นทุนในการทำการตลาดในระยะยาว
  1. การวัดผลลัพธ์
  • ติดตาม Conversion Rate แยกตามแคมเปญ
  • วัด ROI ของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
  • เก็บข้อมูลสินค้าขายดีเพื่อวางแผนสต็อก
  • วิเคราะห์ช่วงเวลาที่ลูกค้าตอบสนองต่อโฆษณาดีที่สุด

CPAS Ads เหมาะกับธุรกิจแบบไหน

  • ธุรกิจที่มีหน้าร้านบน Marketplace หลัก
    ธุรกิจต้องมีสินค้าวางจำหน่ายอยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Facebook อยู่แล้ว เช่น Shopee หรือ Lazada และมียอดขายที่สม่ำเสมอ เพราะ Facebook จะพิจารณาความน่าเชื่อถือของร้านค้าจากประวัติการขายและคุณภาพสินค้า
  • ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ที่มีทีมการตลาดพร้อม
    เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีทีมงานหรือที่ปรึกษาที่เข้าใจระบบ CPAS เพราะการตั้งค่าและดูแลแคมเปญค่อนข้างซับซ้อน ต้องมีความเข้าใจทั้งระบบของ Facebook Business Manager และการทำงานร่วมกับ Marketplace ต้องมีงบประมาณการตลาดที่แน่นอน
  • ธุรกิจที่ต้องการทำ Performance Marketing อย่างจริงจัง
    เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายผ่านการวัดผลที่ชัดเจน มีเป้าหมายการเติบโตที่ชัดเจน และพร้อมลงทุนในระยะยาว เพราะการทำ CPAS ต้องใช้เวลาในการเก็บข้อมูลและปรับแคมเปญเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
  • ธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเพิ่มยอดขาย
    สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่สนใจทำ CPAS Ads แต่ยังไม่พร้อมด้านทีมงาน แนะนำให้ใช้บริการเอเจนซี่ที่เชี่ยวชาญด้านโฆษณาและมีบริการรับทำ CPAS Ads เพื่อให้การทำแคมเปญมีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถเพิ่มยอดขายได้จริง

CPAS มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไร

สำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายในช่องทางอีคอมเมิร์ซ CPAS คือเครื่องมือที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมต่อลูกค้าจาก Facebook ไปยังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้โดยตรงแล้ว ยังมีอัตรา Conversion สูงกว่าการยิงแอดทั่วไป อีกทั้งยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ Retargeting ไปสู่คนที่มีแนวโน้มสนใจสินค้าจริง ๆ ซึ่งเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนด้วย

ลดขั้นตอนการซื้อ เพิ่มโอกาสปิดการขาย

ระบบ CPAS ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้ทันทีจากการคลิกโฆษณาบน Facebook โดยไม่ต้องค้นหาสินค้าในมาร์เก็ตเพลสใหม่ การลดขั้นตอนนี้ช่วยเพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากกว่าการโฆษณาแบบทั่วไปถึง 15-20%

เจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ

ด้วยระบบ Dynamic Ads ที่แสดงสินค้าตามความสนใจของผู้ชม ทำให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มที่มีโอกาสซื้อสูง โดยเฉพาะการทำ Retargeting กับคนที่เคยดูสินค้าหรือใส่ตะกร้าแล้วแต่ยังไม่ซื้อ

เชื่อมระบบกับมาร์เก็ตเพลสโดยตรง

แค็ตตาล็อกสินค้า ราคา และสต็อก จะอัปเดตอัตโนมัติตามข้อมูลในมาร์เก็ตเพลส ช่วยประหยัดเวลาในการจัดการและลดความผิดพลาดในการแสดงข้อมูล

วัดผลได้ชัดเจน คุมงบประมาณได้ดี

สามารถติดตามผลตั้งแต่การคลิกโฆษณาจนถึงการซื้อ วัดค่า ROAS (Return on Ad Spend) ได้แม่นยำ ช่วยให้วางแผนงบประมาณการตลาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สร้างการรับรู้แบรนด์ในวงกว้าง

นอกจากเพิ่มยอดขาย ยังช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์บน Facebook ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้จำนวนมาก เพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในระยะยาว

บทสรุป

เราจะเห็นได้ว่า CPAS คือเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจ E-Commerce ผ่านระบบ Dynamic Ads และการทำ Retargeting ที่แม่นยำ ด้วยการร่วมมือกันของ Facebook และมาร์เก็จเพลสทั้งหลาย ส่งผลให้ CPAS Ads กลายเป็นจุดแข็งของ Facebook Ads ที่โดดเด่นเหนือแพลตฟอร์มอื่น ๆ เลยก็ว่าได้ แม้ CPAS จะมีขั้นตอนการตั้งค่าที่ซับซ้อนและต้องผ่านการอนุมัติจาก Facebook แต่ด้วยความสามารถในการเพิ่ม Conversion Rate และระบบการวิเคราะห์ข้อมูลที่แม่นยำ ทำให้ CPAS เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับธุรกิจที่ต้องการเพิ่มยอดขายในโลกออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ