ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาดออนไลน์ด้วยกลยุทธ์ใดหรือแคมเปญไหน ล้วนต้องการตัวชี้วัดผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะ Impression หรือหนึ่งในตัวชี้วัดหลักที่บ่งบอกถึงจำนวนครั้งที่เนื้อหาหรือโฆษณาปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนต์แบบ Organic, การทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google หรือจะเป็นการยิงโฆษณาผ่าน Facebook Ads ก็ตาม เรามาทำความรู้จักว่า Impression คืออะไรให้มากขึ้น ผ่านบทความนี้จาก ADCHARIYA ได้เลย
Impression คืออะไร
Impression คือหน่วยวัดที่บ่งบอกว่าเนื้อหาหรือโฆษณาของคุณถูกแสดงกี่ครั้งบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เปรียบเสมือนตัวนับจำนวนการปรากฏตัวของเนื้อหา ไม่ว่าจะเป็นโพสต์บนโซเชียลมีเดีย โฆษณา หรือเว็บไซต์ของคุณที่แสดงอยู่บนหน้า Google SERPs เมื่อเนื้อหาถูกแสดงบนหน้าจอหนึ่งครั้ง ระบบจะนับเป็นหนึ่ง Impression ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้ใช้คลิกหรือมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ เลย ทั้งนี้ ในแต่ละแพลตฟอร์มมีวิธีนับ Impression ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้นักการตลาดต้องทำความเข้าใจกับระบบการนับของแต่ละช่องทางด้วย
- Facebook หรือ Impression Facebook คือจะนับทุกครั้งที่โพสต์หรือโฆษณาโผล่ขึ้นในฟีดของผู้ใช้งาน แม้จะเป็นผู้ใช้คนเดิมที่เห็นซ้ำก็นับใหม่ เช่น เมื่อผู้ใช้รีเฟรชหน้าและเจอโพสต์เดิม หรือเปลี่ยนอุปกรณ์จากมือถือมาดูบนคอมพิวเตอร์ ระบบจะนับเป็น Impression ใหม่เสมอ
- Impression Instagram จะนับทุกครั้งที่โพสต์ปรากฏบนหน้าฟีด Stories หรือ Reels รวมถึงการที่ผู้ใช้คนเดียวกันดูซ้ำหลายครั้ง แต่ละครั้งจะนับเป็น Impression ใหม่เสมอ
- Impression LinkedIn จะนับเมื่อโพสต์หรือโฆษณาปรากฏในฟีดข่าวของผู้ใช้อย่างน้อย 50% ของความสูงเนื้อหา และแสดงอยู่บนหน้าจอนานกว่า 300 มิลลิวินาที
- Google Ads หรือ SEM จะนับทุกครั้งที่โฆษณาได้รับการประมูลและแสดงผลบนเครือข่าย Google ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม เช่น ถ้าโฆษณาของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ 7 ซึ่งอยู่ด้านล่างของหน้าผลการค้นหา แม้ผู้ใช้จะไม่ได้เลื่อนลงมาถึง ระบบก็จะนับเป็น 1 Impression เพราะถือว่าโฆษณาได้ถูกแสดงผลแล้ว
- Google Search หรือ SEO มีการนับ Impression จากจำนวนครั้งที่เว็บไซต์ปรากฏในผลการค้นหาของ Google แม้ผู้ใช้จะไม่ได้เลื่อนลงมาถึงตำแหน่งที่เว็บไซต์ของคุณอยู่ก็ตาม โดยเว็บไซต์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ จะมีโอกาสได้ Impression มากกว่า เพราะผู้ใช้มักจะเห็นผลการค้นหา 3-4 อันดับแรกก่อนเสมอ
- YouTube จะนับ Impression เมื่อภาพขนาดเล็กของวิดีโอ (Thumbnail) ปรากฏบนหน้าจอของผู้ใช้อย่างน้อย 1 วินาที ไม่ว่าผู้ใช้จะคลิกดูวิดีโอหรือไม่ก็ตาม หากผู้ใช้เห็น Thumbnail เดิมซ้ำในการเข้าชม YouTube ครั้งใหม่ ก็จะนับเป็น Impression ใหม่
Impression มีกี่ประเภท
การวัดผล Impression มีความละเอียดและแม่นยำที่แตกต่างกัน นักการตลาดจึงแบ่ง Impression ออกเป็น 3 ประเภทตามลักษณะการนับและความแม่นยำของข้อมูล เพื่อให้สามารถวิเคราะห์และปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญได้อย่างตรงจุดที่สุด
1. Served Impression
Served Impression เป็นรูปแบบการนับ Impression ที่พื้นฐานที่สุด โดยจะนับทุกครั้งที่ระบบส่งโฆษณาไปแสดงบนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ไม่ว่าโฆษณานั้นจะอยู่ในตำแหน่งที่ผู้ใช้มองเห็นหรือไม่ก็ตาม เช่น โฆษณาอาจอยู่ด้านล่างของหน้าเว็บที่ผู้ใช้ยังไม่ได้เลื่อนลงไปถึง แต่ระบบก็นับเป็นหนึ่ง Impression แล้ว ทำให้ตัวเลขที่ได้มักสูงกว่าการเข้าถึงจริง
ตัวอย่างการนับ Served Impression
เมื่อคุณเปิดเว็บไซต์ข่าวที่มีโฆษณาอยู่ส่วนท้ายของหน้า แม้คุณจะอ่านแค่ย่อหน้าแรกของข่าวนั้น แล้วปิดเว็บไปโดยไม่ได้เลื่อนลงไปเห็นโฆษณาเลย ระบบก็นับเป็น 1 Served Impression หรือถ้าคุณเปิดหน้าเว็บค้างไว้แล้วสลับไปทำอย่างอื่น โฆษณาที่โหลดมาก็ถูกนับเป็น Impression ทั้งที่ไม่มีใครเห็น
2. Viewable Impression
Viewable Impression เป็นการนับที่ละเอียดขึ้นโดยคำนึงถึงโอกาสที่ผู้ใช้จะเห็นโฆษณาจริง ๆ ระบบจะนับเป็น Viewable Impression ก็ต่อเมื่อโฆษณาปรากฏในพื้นที่ที่ผู้ใช้มองเห็นได้อย่างน้อย 50% และแสดงอยู่นานพอที่จะสร้างการรับรู้ เช่น 1 วินาทีสำหรับภาพนิ่ง หรือ 2 วินาทีสำหรับวิดีโอ ทำให้ข้อมูลที่ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากขึ้น
ตัวอย่างการนับ Viewable Impression
เมื่อคุณเลื่อนดูฟีด Facebook และหยุดที่โฆษณาหนึ่ง ถ้าโฆษณานั้นปรากฏบนหน้าจอครบ 50% และคุณหยุดดูนานเกิน 1 วินาที ระบบจะนับเป็น 1 Viewable Impression แต่ถ้าคุณเลื่อนผ่านเร็วเกินไป หรือโฆษณาโผล่ขึ้นมาแค่นิดเดียวแล้วคุณเลื่อนผ่านไป ระบบจะไม่นับเป็น Viewable Impression
3. Verified Impression
Verified Impression คือรูปแบบการนับ Impression ที่แม่นยำที่สุด นอกจากจะตรวจสอบการมองเห็นจริงแล้ว ยังมีระบบคัดกรองการแสดงผลที่ไม่ได้มาจากผู้ใช้จริงด้วย เช่น บอต หรือการปั่นยอด ทำให้นักการตลาดได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือสำหรับการวิเคราะห์และปรับปรุงแคมเปญ ช่วยประหยัดงบประมาณจากการแสดงผลที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างการนับ Verified Impression
เว็บไซต์ของคุณได้รับ Impression 1,000 ครั้งในหนึ่งวัน แต่เมื่อผ่านระบบตรวจสอบ Verified Impression พบว่ามีเพียง 800 ครั้งที่มาจากผู้ใช้จริง ส่วนอีก 200 ครั้งเป็นการเข้าชมจากบอตหรือการปั่นยอดจากคู่แข่ง ทำให้คุณเห็นตัวเลขที่แท้จริงและสามารถวางแผนการตลาดได้แม่นยำขึ้น เช่น การปรับงบประมาณโฆษณาให้เหมาะสมกับการเข้าถึงที่ปรากฏ
Impression กับ Reach ต่างกันยังไง
Impression และ Reach เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ที่มักสร้างความสับสนให้กับนักการตลาดมือใหม่ แม้จะดูคล้ายกัน แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันคือ Impression จะวัดความถี่ในการแสดงผล (จะนับทุกครั้งที่เนื้อหาปรากฏ แม้จะเป็นการแสดงซ้ำให้คนเดิม) ส่วน Reach จะวัดจำนวนคนที่เห็นเนื้อหา (นับเฉพาะคนที่เห็นเนื้อหา โดยไม่นับซ้ำแม้คน ๆ เดียวจะเห็นหลายครั้ง) นั่นเอง
ตัวอย่าง : ถ้าคุณโพสต์โฆษณาบน Facebook และมีผู้ใช้ 1,000 คนเห็นโฆษณานี้ โดยแต่ละคนเห็นโฆษณา 3 ครั้ง แปลว่า
- Impression = 3,000 (1,000 คน × 3 ครั้ง)
- Reach = 1,000 (จำนวนคนที่เห็นโฆษณา)
5 วิธีเพิ่ม Impression ที่เห็นผลจริง
การเพิ่ม Impression ให้กับเนื้อหาและโฆษณาของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างการรับรู้แบรนด์และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตามที่ต้องการ แต่การจะทำให้ Impression เพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ต้องอาศัยการผสมผสานหลายวิธีเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO การโฆษณา หรือการสร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ มาดูกันว่ามีวิธีไหนช่วยเพิ่ม Impression ให้กับธุรกิจของคุณได้บ้าง
- สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและน่าสนใจ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแชร์ต่อ
- เขียนบทความ SEO ที่มีคุณภาพ และปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้พร้อมสำหรับการใช้งาน เพื่อผลักดันให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google
- ยิงโฆษณา Google Ads โดยการเลือกคีย์เวิร์ดที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ตั้งค่าแคมเปญให้เหมาะสม และทำ A/B Testing เพื่อหารูปแบบโฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
- ใช้ Facebook Ads เจาะกลุ่มเป้าหมาย และเลือกรูปแบบการนำเสนอที่หลากหลายทั้งภาพ วิดีโอ และ Carousel Ads
- สร้างวิดีโอที่สั้น กระชับ สดใหม่ น่าสนใจ และตามเทรนด์ จากนั้นให้นำไปยิงโฆษณา TikTok Ads
สรุปบทความ
การวัดประสิทธิภาพของแคมเปญการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่ Impression คือตัวชี้วัดพื้นฐานที่ยังคงมีความสำคัญไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้น การทำความเข้าใจทั้งวิธีการนับ ประเภท และกลยุทธ์ในการเพิ่ม Impression ผ่านบทความนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้คุณสามารถสร้างแคมเปญการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านของการทำ SEO หรือจะเป็นการยิงแอดบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็ตาม

Leave a Reply