การทำให้เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจำนวนมากบน Search Engine อย่าง Google อาจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการยิงโฆษณา Google Ads และไม่ต้องใช้งบประมาณที่สูงเกินจำเป็น เพียงแค่คุณทำ SEO บนเว็บไซต์ พร้อมกับเขียนบทความ SEO ลงไป โอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะไปปรากฏอยู่บนหน้าแสดงผลการค้นหาหรือ Google SERPs ให้ผู้ใช้งานเห็นก็สูงขึ้นแล้ว ยิ่งติดอันดับ 1-3 ยิ่งมีคนเห็นมากขึ้นเท่านั้น ตามมาด้วย Organic Traffic และนำไปสู่ผลลัพธ์ทางธุรกิจอย่างยอดขายได้ไม่ยาก มาเรียนรู้เรื่องบทความ SEO (SEO Content) กับ ADCHARIYA ผ่านบทความนี้สิ! เรารวบรวมข้อมูลมาให้แบบครบจัดเต็ม ทั้งบทความ SEO คืออะไร, บทความ SEO ต่างกับบทความทั่วไปอย่างไร, ประโยชน์ของการทำบทความ SEO และแน่นอนว่าต้องมีการสอนเขียนบทความ SEO กับมีตัวอย่างบทความ SEO ดี ๆ ให้ชมด้วย ถ้าพร้อมแล้วเราไปลุยกันเลย
บทความ SEO คืออะไร
บทความ SEO คือบทความที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อให้ตรงใจผู้อ่าน รวมถึงตอบโจทย์และสอดคล้องกับ Search Engine Algorithm หรืออัลกอริทึมของ Google ด้วย โดยบทความ SEO จะมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การเลือกใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) ซึ่งเป็นคำหรือวลีที่ผู้ใช้งานใช้ในการค้นหาข้อมูล หากคุณมีการวางโครงสร้างบทความ SEO ที่ดี มาพร้อมเนื้อหาคุณภาพ และปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพ (ทั้งหน้าบ้านและหลังบ้าน) จะส่งผลให้ Googlebot ที่เข้ามาเก็บข้อมูลเข้าใจว่าบทความนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร โดยผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือบทความ SEO ของคุณจะติดอันดับบน Google และมีโอกาสติดอันดับในหน้าแรก อันเป็นพื้นที่ที่คนทำ SEO ทุกคนอยากครอบครองได้

บทความ SEO กับ บทความทั่วไปต่างกันอย่างไร
บทความ SEO จะมีการสอดแทรกคีย์เวิร์ดลงไปในเนื้อหาที่ผ่านการวิเคราะห์และวางแผนออกมาเป็นอย่างดี ศึกษามาแล้วว่าผู้ใช้งานต้องการรู้เรื่องอะไรบ้าง ผสานกับการวางโครงสร้างเนื้อหาที่ถูกต้องตามหลัก SEO และการสร้างลิงก์เชื่อมโยงอย่างมีกลยุทธ์ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การติดอันดับบน Search Engine และมอบคำตอบที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้งาน ส่วนการเขียนบทความทั่วไปจะเป็นการเขียนบทความที่มักจะเริ่มต้นจากความต้องการของผู้เขียนเป็นหลัก ไม่ได้ใช้กลยุทธ์ SEO ไม่ยุ่งยากในการปรับแต่งเว็บไซต์ และสามารถโพสต์ได้บนทุกแพลตฟอร์ม เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายหรือผู้ติดตามบัญชีในแต่ละช่องทาง
ประโยชน์ของการทำบทความ SEO
- เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เนื่องจากบทความ SEO ที่ติดอันดับบน Google จะถูกแสดงผลให้ผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของคุณได้เห็น
- ประหยัดงบประมาณทางการตลาด เพราะเมื่อบทความติดอันดับในตำแหน่งที่ดีแล้ว จะมีคนเห็นและเข้าชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่องโดยที่คุณไม่ต้องเสียค่าโฆษณาใด ๆ
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ เพราะการที่บทความของคุณปรากฏในอันดับต้น ๆ ของ Google แสดงให้เห็นว่าคุณมีความเชี่ยวชาญและเป็นที่ยอมรับในด้านนั้น ๆ
- สร้างยอดขายได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากคนที่เข้ามาอ่านบทความคือกลุ่มที่กำลังสนใจสินค้าหรือบริการของคุณอยู่แล้ว จึงมีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนจากผู้อ่านมาเป็นลูกค้านั่นเอง
- ช่วยให้เว็บไซต์มีคนเข้าชมอย่างสม่ำเสมอ เพราะตราบใดที่บทความยังคงติดอันดับ Google ก็จะมีคนค้นเจอและคลิกเข้ามาอ่านอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างบทความ SEO ที่ดีและน่าสนใจ
ตัวอย่างบทความ SEO จาก ADCHARIYA ที่ติดอันดับบนหน้าแรก Google บทความนี้เป็นเรื่อง “แจกฟรีอิโมจิน่ารัก ๆ พร้อมอีโมติคอนสไตล์เกาหลีญี่ปุ่นเพียบ” เนื้อหาภายในจะมีการอธิบายว่าอิโมจิกับอิโมติคอนคืออะไรเปรียบเทียบความแตกต่าง พร้อมกับรวบรวมอิโมจิและอิโมติคอนน่ารัก ๆ เอาไว้มากมาย ที่ผู้อ่านสามารถ Copy ไปใช้งานได้ทันที

วิธีเขียนบทความ SEO ให้ติดหน้าแรกด้วย 7 เทคนิคนี้
ปัจจุบันนี้ Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน มีการเรียบเรียงและใช้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ มนุษย์อ่านแล้วรู้เรื่องเข้าใจง่าย มีบริบทที่เหมาะสม และตอบโจทย์เจตนารมการค้นหา (User Intent) เป็นพิเศษ ดังนั้น คุณจะเขียนบทความ SEO ด้วยกลยุทธ์สมัยเก่าที่ยัดคีย์เวิร์ดลงไปในบทความเยอะ ๆ ไม่ได้อีกต่อไป และนี่คือ 7 เทคนิคเขียนบทความ SEO ที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับอย่างยั่งยืนในปี 2025
1. 1 บทความ 1 คีย์เวิร์ดหลัก
การเลือกคีย์เวิร์ดเป็นเรื่องสำคัญในการทำบทความ SEO เพราะคีย์เวิร์ดจะช่วยให้ Google เข้าใจว่าบทความของคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร คุณควรเลือกใช้เพียงหนึ่งคีย์เวิร์ดหลักต่อหนึ่งบทความ เพราะการใช้หลายคีย์เวิร์ดหลักในบทความเดียวอาจทำให้ Google สับสนและส่งผลเสียต่อการจัดอันดับของบทความได้ เครื่องมือทำ Keyword Research ที่เราแนะนำคือ Google Keyword Planner, Ubersuggest, Ahrefs หรือ SurferSEO
2. กระจายคีย์เวิร์ดในตำแหน่งสำคัญ
การวางคีย์เวิร์ดในบทความ SEO ต้องทำอย่างเป็นธรรมชาติและกระจายในตำแหน่งสำคัญ โดยเฉพาะในส่วนหัวเรื่องบทความ (Title), Meta Description, URL, Header Tags และพารากราฟแรกของบทความ แต่ต้องระวังไม่ให้มีความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดเกิน 2.5% ของเนื้อหาทั้งหมด เพราะอาจถูก Google มองว่าเป็นการยัดเยียดคีย์เวิร์ดมากเกินไปได้
3. ทำความเข้าใจ User Intent
User Intent คือเจตนาของผู้ใช้งานที่ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บน Search Engine ซึ่งการทำความเข้าใจ User Intent จะทำให้คุณเขียนบทความ SEO ออกมาได้ตรงใจผู้อ่าน โดยคุณจะต้องวิเคราะห์ก่อนว่า Search Intent และ User Intent แต่คีย์เวิร์ดที่คุณจะนำมาใช้เขียนบทความ SEO คืออะไร เนื่องจากคีย์เวิร์ดแต่ละคำจะมีเจตนาในการค้นหาที่แตกต่างกันไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทคือการหาข้อมูล (Informational), ต้องการซื้อสินค้า (Transactional), เปรียบเทียบตัวเลือก (Commercial) หรือต้องการไปยังเว็บไซต์เฉพาะ (Navigational) ด้วยเหตุนี้ การเขียนเนื้อหาให้สอดคล้องกับ User Intent จะช่วยให้บทความของคุณตอบโจทย์ผู้อ่านและมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น
4. เนื้อหาต้องมีคุณภาพ ตอบโจทย์ผู้อ่าน
บทความ SEO ต้องเขียนโดยคำนึงถึงผู้อ่านเป็นหลัก ให้ข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง และมีประโยชน์ ไม่ใช่เพียงแค่เขียนเพื่อให้ติดอันดับเท่านั้น บทความควรตอบคำถามทุกแง่มุมที่ผู้อ่านอาจสงสัย มีการอ้างอิงข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ และใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย เป็นธรรมชาติ ตามหลัก E-E-A-T และ YMYL ที่ Google ออกมาแนะนำ
5. อัปเดตข้อมูลในบทความให้เป็นล่าสุด
การอัปเดตเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ เพราะข้อมูลที่ทันสมัยจะช่วยดึงดูดผู้อ่านและทำให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ควรตรวจสอบและปรับปรุงบทความ SEO ทุก ๆ 6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับการอัปเดตใหม่ ๆ ของข้อมูลในเรื่องนั้น ๆ เพื่อให้เนื้อหายังคงตรงกับ Search Intent ที่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
6. อัปโหลดบทความลงเว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ
ความสม่ำเสมอในการลงบทความใหม่แสดงให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีการเคลื่อนไหวและได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง ควรวางแผนจัดตารางการเผยแพร่เนื้อหาให้ชัดเจน และรักษาความสม่ำเสมอในการอัปโหลด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและเพิ่มโอกาสในการติดอันดับที่ดีขึ้น
7. เพิ่ม Alt Text ในรูปภาพ
การใส่คำอธิบายรูปภาพหรือ Alt Text ไม่เพียงช่วยให้ผู้พิการทางสายตาเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น แต่ยังเป็นโอกาสในการเพิ่มคีย์เวิร์ดและช่วยให้รูปภาพของคุณปรากฏในการค้นหาของ Google Imageได้ด้วย สำหรับธุรกิจที่รูปภาพมีความสำคัญ เช่น ร้านอาหาร การท่องเที่ยว หรือสินค้าแฟชั่น การใส่ Alt Text ที่อธิบายรูปภาพอย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
สรุปบทความ
การเขียนบทความ SEO เป็นการผสมผสานระหว่างการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพและการปรับแต่งให้เข้ากับอัลกอริทึมของ Google ลองทำความเข้าใจและนำ 7 เทคนิคการเขียนบทความ SEO ไปปรับใช้กันได้เลย หรือถ้าใครที่ยังเป็นมือใหม่ในด้านนี้มาก ๆ แนะนำให้ศึกษาก่อนว่า SEO คืออะไร เพื่อให้คุณเข้าใจหลักการทำ SEO ให้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าคุณมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก และต้องการมองหาเอเจนซี่การตลาดออนไลน์ที่มีบริการรับเขียนคอนเทนต์ล่ะก็ ADCHARIYA ยินดีให้คำปรึกษาและดูแลธุรกิจของคุณให้เติบโตบน Google ด้วยบริการรับเขียนบทความ SEO และบริการรับทำ SEO โดยผู้เชี่ยวชาญ

Leave a Reply