ในช่วงหลังมานี้ Topic ที่เราพบเห็นกันได้อยู่บ่อย ๆ บนโลกออนไลน์และเว็บไซต์ต่าง ๆ คงไม่พ้นเรื่องของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) แน่นอน เพราะมันเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย น่าจับตามอง และมีประโยชน์ต่อมนุษย์ในหลากหลายแง่ ทั้งในด้านของการนำมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ลดระยะเวลาในการทำงาน และที่สำคัญเลยคือเราสามารถผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับการทำการตลาดได้อย่างลื่นไหลและมีประสิทธิภาพสูง ด้วยเหตุนี้ AI จึงเป็นสิ่งที่นักการตลาดยุคใหม่ไม่ควรพลาด มาทำความเข้าใจว่า AI คืออะไรและเจาะลึกถึงหลักการทำงาน ประโยชน์ และอื่น ๆ ได้ในบทความนี้กับ ADCHARIYA ได้เลย

ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI คืออะไร
AI (Artificial Intelligence) คือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เลียนแบบความสามารถในการคิดและตัดสินใจของมนุษย์ ด้วยระบบประมวลผลที่ซับซ้อน จึงทำให้ AI สามารถเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมหาศาลและพัฒนาตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่า AI จะไม่มีอารมณ์และความรู้สึกเหมือนมนุษย์ แต่ AI ก็มีความสามารถในการวิเคราะห์และประมวลผลที่เหนือกว่าสมองมนุษย์หลายเท่า ด้วยเหตุนี้ จึงส่งผลให้ AI คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้มนุษย์เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะงานที่ต้องการความแม่นยำและการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก
AI ทำงานอย่างไร?

หลักการทำงานของ AI เปรียบได้เสมือนการทำงานของสมองมนุษย์ที่ผ่านการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มต้นจากการรับข้อมูลเข้ามาผ่านเซนเซอร์หรือการป้อนข้อมูลโดยตรง จากนั้นจะทำการวิเคราะห์และประมวลผลด้วยอัลกอริทึมที่ซับซ้อน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการตอบกลับด้วยข้อความ เสียง หรือการกระทำต่าง ๆ ที่น่าสนใจมาก ๆ คือ AIสามารถเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองได้จากข้อผิดพลาด ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความแม่นยำมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับมนุษย์ที่เรียนรู้จากประสบการณ์นั่นเอง โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ส่วนหลัก
- การเรียนรู้ (Learning) เป็นรับข้อมูลและสร้างกฎการทำงานหรืออัลกอริทึมที่เหมาะสม
- การใช้เหตุผล (Reasoning) หรือวิเคราะห์และเลือกวิธีการที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา
- การแก้ไขข้อผิดพลาด (Self-correction) คือปรับปรุงการทำงานเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
- ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) หรือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ จากข้อมูลที่มีอยู่
AI มีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง
AI แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ตามระดับความสามารถในการเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ ได้แก่ Narrow AI, General AI และ Super AI ซึ่งแต่ละประเภทมีความสามารถและการนำไปใช้งานที่แตกต่างกัน ปัจจุบันเราอยู่ในยุคของ Narrow AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำงานเฉพาะด้าน ในขณะที่ General AI และ Super AI ยังอยู่ในขั้นการวิจัยและพัฒนา

Narrow AI
Narrow AI คือ AI ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานเฉพาะด้านและมีขอบเขตจำกัด สามารถทำงานได้ดีในงานที่ถูกกำหนดไว้ มีประสิทธิภาพสูงในการทำงานเฉพาะทาง แต่ไม่สามารถปรับตัวทำงานนอกเหนือจากที่ถูกโปรแกรมไว้ได้ เช่น
- ChatGPT, Gemini, Claude ที่ถูกพัฒนามาเพื่อการประมวลผลภาษาและการสื่อสารกับมนุษย์
- DALL-E และ Midjourney ที่เหมาะสำหรับการสร้างภาพ
General AI
General AI คือ AI ที่มีความสามารถใกล้เคียงกับมนุษย์ ทั้งความสามารถในการคิด วิเคราะห์ และการแก้ปัญหาได้ที่หลากหลาย ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่เมื่อพัฒนาสำเร็จจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กว้างขวางกว่า Narrow AI มาก อย่าง DeepMind’s AGI Project
Super AI
Super AI เป็น AI ที่มีความสามารถเหนือกว่ามนุษย์ ยังไม่มีการพัฒนาจริง แต่มีการถกเถียงถึงผลกระทบทางจริยธรรมและความปลอดภัยแล้ว เพราะมีความน่ากลัวตรงที่ AI ประเภทนี้สามารถพัฒนาและปรับปรุงตัวเองได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
เทคโนโลยี AI มีประโยชน์อย่างไร
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มีประโยชน์ต่อมนุษย์เราในหลากหลายด้าน คุณอาจจะใช้ AI มาช่วยทำการตลาด, ช่วยทำงาน หรือช่วยลดต้นทุนของการทำธุรกิจก็ได้ ซึ่งเครื่องมือ AI ก็มีให้เลือกมากมาย ความสามารถของแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย หากเลือกเครื่องมือ AI ที่เหมาะสมกับการใช้งาน ก็จะช่วยให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว และประโยชน์เด่น ๆ ของ AI มีดังนี้
การเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณา
AI สามารถช่วยวิเคราะห์และปรับแต่งแคมเปญโฆษณาแบบเรียลไทม์ เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม และจัดสรรงบประมาณได้คุ้มค่าที่สุด พร้อมกับลดต้นทุนโฆษณาที่ไม่จำเป็น ทำให้ประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาดียิ่งขึ้น
การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า
AI มีความสามารถด้านการประมวลผลข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ การค้นหา และการมีส่วนร่วมของลูกค้าจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เข้าใจความต้องการที่แท้จริงและสามารถคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้แม่นยำยิ่งขึ้น
การสร้างประสบการณ์แบบ Personalization
AI ช่วยให้แบรนด์สามารถนำเสนอสินค้า บริการ และโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานและความสนใจ ทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
AI ช่วยทำงานที่ซ้ำซากจำเจแทนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เช่น การป้อนข้อมูล การจัดการเอกสาร การจัดตารางนัดหมาย ทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับงานสร้างสรรค์และงานที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงได้มากขึ้น
การให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง
ระบบ Chatbot และระบบตอบคำถามอัตโนมัติสามารถให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดภาระงานของพนักงาน ประหยัดต้นทุนการจ้างพนักงาน พร้อมเก็บข้อมูลความต้องการของลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาบริการได้
แนะนำเครื่องมือ AI ยอดนิยมและการนำไปใช้งาน
- ChatGPT, Claude AI, Gemini, Perplexity AI สามารถตอบคำถาม วิเคราะห์ข้อมูล สรุปเนื้อหา เขียนบทความ และโค้ดโปรแกรม โดดเด่นในด้านการประมวลผลภาษาธรรมชาติและการตอบโต้ที่เป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับงานเขียน งานวิเคราะห์ และการพัฒนาซอฟต์แวร์
- ChatPDF, ChatDox, Texti, Nuclia ช่วยวิเคราะห์และสรุปเอกสาร สามารถตอบคำถามจากเนื้อหาในไฟล์ PDF และเอกสารดิจิทัลรูปแบบต่าง ๆ ช่วยประหยัดเวลาในการอ่านเอกสารยาว ๆ และค้นหาข้อมูลสำคัญ
- WordTune, Notion, Flair เครื่องมือช่วยปรับแต่งการเขียน เสนอทางเลือกในการเรียบเรียงประโยค ตรวจแก้ไวยากรณ์ และปรับโทนเสียงการเขียน ช่วยให้งานเขียนมีคุณภาพและน่าสนใจมากขึ้น
- DALL·E 2, Lexica เป็น AI สร้างรูปภาพจากคำอธิบาย สามารถสร้างภาพศิลปะ ภาพประกอบ และแก้ไขภาพตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับงานออกแบบและการสร้างคอนเทนต์วิชวล
- Murf, Synthesia, Supercreator เครื่องมือ AI ที่ใช้ในการสร้างเสียงและวิดีโอ สามารถแปลงข้อความเป็นเสียงพูด สร้างวิดีโอนำเสนอ และสร้างเนื้อหามัลติมีเดียแบบอัตโนมัติ เหมาะสำหรับงานผลิตสื่อการสอนและการตลาด
- StockAI เป็น AI วิเคราะห์ข้อมูลตลาดหุ้นและการลงทุน ให้คำแนะนำการลงทุนตามการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดและข้อมูลทางการเงิน
- Sembly, Native Chat เปรียบเสมือนผู้ช่วยจดบันทึกและสรุปการประชุม สามารถถอดเสียงเป็นข้อความ จับประเด็นสำคัญ และสร้างรายงานสรุปการประชุมโดยอัตโนมัติ ช่วยให้การจัดการประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น

AI Marketing กลยุทธ์การตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI
AI Marketing คือการผสานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ากับกลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่ ที่ไม่เพียงแค่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ แต่ยังสามารถเรียนรู้และปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคได้แบบเรียลไทม์ เทคโนโลยี AI จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่คอยประมวลผลข้อมูล วิเคราะห์เทรนด์ตลาด และคาดการณ์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อให้แบรนด์สามารถวางกลยุทธ์การตลาดได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุดและสร้างประสบการณ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
ตัวอย่างการใช้ AI Marketing
- ระบบแชทบอทอัจฉริยะที่สามารถโต้ตอบและให้บริการลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ระบบแนะนำสินค้าอัตโนมัติที่เรียนรู้จากพฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า
- การส่งอีเมลและข้อความการตลาดแบบเฉพาะบุคคลตามความสนใจของผู้รับ
- การวิเคราะห์เสียงตอบรับจากโซเชียลมีเดียเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด
- ระบบวิเคราะห์และปรับแต่งโฆษณาออนไลน์แบบอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- ทำนายเทรนด์และพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคตเพื่อวางแผนกลยุทธ์การตลาดล่วงหน้า
สรุปบทความ
สรุปว่า AI คือเทคโนโลยีที่ถูกสร้างขึ้นมาเลียนแบบให้มีความสามารถเหมือนมนุษย์ ซึ่งในตอนนี้หลาย ๆ องค์กรก็หันมาใช้ AI ช่วยในการทำงานแล้ว ทั้งในด้านของการค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล สร้างเนื้อหา หรือใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาก็ตาม เคยมีคนตั้งคำถามว่า AI จะเข้ามาแทนที่มนุษย์ไหม? เราคิดว่า AI อาจไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ทุกคน แต่ก็มีโอกาสที่จะมาแทนบางตำแหน่งในอนาคตได้ โดยเฉพาะกับตำแหน่งที่ทำอะไรเดิม ๆ ซ้ำ ๆ และไม่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากนัก นักการตลาดอย่างเราจึงต้องรู้จักใช้ AI ให้เป็น เพราะเป็นทักษะที่องค์กรไหน ๆ ต่างก็ต้องการตัว

Leave a Reply