เมื่อพูดถึงตำแหน่งผู้บริหารในองค์กร หลายคนคงนึกถึงแต่ CEO เพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้ว ตำแหน่งผู้บริหารที่ขึ้นต้นด้วยตัว C หรือ C Level มันมีหลายตำแหน่งมาก ๆ อาทิ CFO, COO, CTO, CPO, CMO ฯลฯ ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็มีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบที่แตกต่างกันออกไป และด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยีต่าง ๆ ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ในตอนนี้มีตำแหน่ง C Level ที่ตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกเพียบ C Level คืออะไรกันแน่ C Level มีอะไรบ้าง และ C Level เงินเดือนเท่าไหร่? ADCHARIYA จะพาคุณไปเจาะลึกและทำความรู้จักกับพวกเขาให้มากขึ้นผ่านบทความนี้
- C Level คืออะไร
- C Level มีตำแหน่งอะไรบ้าง
- 1. CEO (Chief Executive Officer)
- 2. COO (Chief Operating Officer)
- 3. CFO (Chief Financial Officer)
- 4. CMO (Chief Marketing Officer)
- 5. CIO (Chief Information Officer)
- 6. CPO (Chief Product Officer)
- 7. CTO (Chief Technology Officer)
- 8. CHRO (Chief Human Resources Officer)
- 13 ตำแหน่ง C Level ยุคใหม่ มีอะไรบ้าง?
- 1. CDO (Chief Data Officer)
- 2. CGO (Chief Growth Officer)
- 3. CSO (Chief Sustainability Officer)
- 4. CXO (Chief Experience Officer)
- 5. CPO (Chief People Officer)
- 6. CHO (Chief Happiness Officer)
- 7. CIO (Chief Inclusion Officer)
- 8. CFRO (Chief Freelance Relationship Officer)
- 9. CRO (Chief Risk Officer)
- 10. CAO (Chief Automation Officer)
- 11. CDO (Chief Design Officer)
- 12. CRO (Chief Relationship Officer)
- 13. CAO (Chief Analytics Officer)
- C Level เงินเดือนเท่าไหร่?
- สรุปบทความ

C Level คืออะไร
C Level คือกลุ่มผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กร ที่มีตำแหน่งขึ้นต้นด้วยคำว่า “Chief” หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ C Suite นั่นเอง C Suite คือกลุ่มคนที่มีอำนาจในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ วางนโยบาย และกำหนดทิศทางการดำเนินงานขององค์กรในภาพรวม โดยแต่ละตำแหน่งจะรับผิดชอบงานในส่วนต่าง ๆ ที่แตกต่างกันไป เช่น CEO รับผิดชอบการบริหารองค์กรทั้งหมด CFO ดูแลด้านการเงิน และ COO ควบคุมการดำเนินงานภายในองค์กร เป็นต้น
- กำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายระยะยาว C Level จะวางภาพอนาคตและทิศทางการดำเนินงานขององค์กร รวมถึงกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ เพื่อผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน
- ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ C Level มีหน้าที่รับผิดชอบการตัดสินใจสำคัญที่มีผลกระทบในวงกว้าง เช่น การควบรวมกิจการ การลงทุนในธุรกิจใหม่ หรือการปรับโครงสร้างองค์กร
- บริหารจัดการทรัพยากร C Level จะวางแผนและจัดสรรทรัพยากรทั้งด้านการเงิน บุคลากร และเทคโนโลยี ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร
- สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน C Level มีหน้าที่วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดและคู่แข่ง เพื่อกำหนดกลยุทธ์ที่ช่วยให้องค์กรแข็งแกร่งและแตกต่างจากคู่แข่ง
- ขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง C Level ต้องผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ปรับปรุงกระบวนการทำงาน และนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- สร้างและรักษาวัฒนธรรมองค์กร C Level จะเป็นผู้กำหนดค่านิยมและแนวทางการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
C Level มีตำแหน่งอะไรบ้าง
ในองค์กรขนาดใหญ่ ตำแหน่ง C Level มีหลากหลายตำแหน่งที่แบ่งความรับผิดชอบตามความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งแต่ละตำแหน่งล้วนมีความสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการบริหารงานภาพรวม การเงิน การปฏิบัติการ การตลาด เทคโนโลยี และทรัพยากรบุคคล โดยทุกตำแหน่งจะทำงานประสานกันภายใต้การนำของ CEO มาดูกันว่า C Level มีอะไรบ้างและแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างไร

1. CEO (Chief Executive Officer)
CEO คือประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือผู้นำสูงสุดขององค์กรที่มีอำนาจในการตัดสินใจและกำหนดทิศทางการดำเนินธุรกิจ CEO รับผิดชอบวางวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ระยะยาว บริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมด และเป็นผู้ประสานงานระหว่างคณะกรรมการบริษัทกับทีมผู้บริหาร เพื่อให้องค์กรบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
2. COO (Chief Operating Officer)
COO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ เป็นเสมือนมือขวาของ CEO ที่ดูแลการดำเนินงานประจำวันขององค์กร รับผิดชอบในการนำนโยบายและกลยุทธ์ไปปฏิบัติให้เกิดผลจริง ควบคุมการทำงานของทุกฝ่ายให้สอดคล้องและมีประสิทธิภาพ รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงาน
3. CFO (Chief Financial Officer)
CFO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน มีหน้าที่บริหารจัดการด้านการเงินและบัญชีทั้งหมดขององค์กร ตั้งแต่การวางแผนงบประมาณ ควบคุมค่าใช้จ่าย วิเคราะห์การลงทุน จัดทำรายงานทางการเงิน ไปจนถึงการวางกลยุทธ์ทางการเงินเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน
4. CMO (Chief Marketing Officer)
CMO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด รับผิดชอบการวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดทั้งหมด ตั้งแต่การสร้างแบรนด์ การทำโฆษณา การสื่อสารการตลาด การวิจัยตลาด ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ให้ตรงใจลูกค้า
5. CIO (Chief Information Officer)
CIO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ ดูแลระบบเทคโนโลยีสารสนเทศภายในองค์กร พัฒนาและปรับปรุงระบบ IT ให้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อสนับสนุนการทำงานของทุกฝ่ายให้ราบรื่น
6. CPO (Chief Product Officer)
CPO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ รับผิดชอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดขององค์กร วางกลยุทธ์และแผนงานเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ กำหนดมาตรฐานคุณภาพ ติดตามความพึงพอใจของลูกค้า และปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาด
7. CTO (Chief Technology Officer)
CTO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ดูแลและพัฒนาเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการ วางกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในองค์กร
8. CHRO (Chief Human Resources Officer)
CHRO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล มีหน้าที่วางกลยุทธ์ด้านการบริหารบุคลากร ตั้งแต่การสรรหา พัฒนา รักษา และจูงใจพนักงาน รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี เพื่อให้พนักงานมีความสุขและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
13 ตำแหน่ง C Level ยุคใหม่ มีอะไรบ้าง?
เพราะยุคนี้คือยุคแห่งเทคโนโลยีและการขับเคลื่อนองค์กรยังต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วยด้วย ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทำให้ความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลและความรู้ด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นสิ่งที่สำคัญ ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้องค์กรสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและก้าวเดินต่อไปในอนาคตได้อย่างราบรื่น จึงเกิดเป็นตำแหน่ง C Level ยุคใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะเป็นตำแหน่งที่รับผิดชอบงานเฉพาะทางมากขึ้น เจาะจงมากขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละองค์กรอาจจะมีตำแหน่งเหล่านี้แตกต่างกันไป ในหนึ่งองค์กรไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งเหล่านี้ทั้งหมด ควรพิจารณาจากลักษณะและเป้าหมายของธุรกิจเป็นหลัก

1. CDO (Chief Data Officer)
CDO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายข้อมูล มีหน้าที่บริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดขององค์กร ตั้งแต่การเก็บรวบรวม วิเคราะห์ และนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการพัฒนากลยุทธ์ด้านข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและการตัดสินใจที่แม่นยำ
2. CGO (Chief Growth Officer)
CGO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต เป็นตำแหน่งที่พัฒนามาจาก CMO แต่มีขอบเขตความรับผิดชอบกว้างขึ้น ดูแลทั้งด้านการตลาด วิศวกรรม และการเงิน เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรแบบองค์รวม โดยเน้นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
3. CSO (Chief Sustainability Officer)
CSO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความยั่งยืน รับผิดชอบการวางกลยุทธ์และดำเนินโครงการด้านความยั่งยืนขององค์กร ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนและตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม
4. CXO (Chief Experience Officer)
CXO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสบการณ์ มีหน้าที่ออกแบบและพัฒนาประสบการณ์ที่ดีให้กับทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับองค์กร ทั้งลูกค้า พนักงาน และพาร์ทเนอร์ โดยเน้นการสร้างความประทับใจและความผูกพันในทุกจุดสัมผัส
5. CPO (Chief People Officer)
CPO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคลากร พัฒนามาจากตำแหน่ง CHRO แต่เน้นการสร้างสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กรที่ดึงดูดและรักษาคนเก่ง (Talent) รวมถึงการพัฒนาศักยภาพพนักงานให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
6. CHO (Chief Happiness Officer)
CHO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความสุข มีหน้าที่สร้างและส่งเสริมความสุขในการทำงานของพนักงาน ดูแลสวัสดิการ กิจกรรมสร้างความผูกพัน และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อความสุข เพื่อลดอัตราการลาออกและดึงดูดคนรุ่นใหม่เข้าสู่องค์กร
7. CIO (Chief Inclusion Officer)
CIO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความหลากหลาย รับผิดชอบการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและยอมรับความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ เพศ อายุ หรือความเชื่อ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ทุกคนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่
8. CFRO (Chief Freelance Relationship Officer)
CFRO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความสัมพันธ์ฟรีแลนซ์ ดูแลการบริหารจัดการและประสานงานกับฟรีแลนซ์และเอเจนซี่ต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาระบบและนโยบายที่เอื้อต่อการทำงานร่วมกับฟรีแลนซ์อย่างมีประสิทธิภาพ
9. CRO (Chief Risk Officer)
CRO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารความเสี่ยง มีหน้าที่วิเคราะห์ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงในทุกมิติขององค์กร ทั้งด้านการเงิน การปฏิบัติงาน กฎระเบียบ และความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
10. CAO (Chief Automation Officer)
CAO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายระบบอัตโนมัติ รับผิดชอบการนำเทคโนโลยีอัตโนมัติมาใช้ในองค์กร ทั้งในกระบวนการผลิตและการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน
11. CDO (Chief Design Officer)
CDO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายออกแบบ ดูแลการออกแบบผลิตภัณฑ์และบริการทั้งหมดขององค์กร ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ กราฟิก ประสบการณ์ผู้ใช้ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความโดดเด่นและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน
12. CRO (Chief Relationship Officer)
CRO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายความสัมพันธ์ มีหน้าที่สร้างและรักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ ตัวแทนจำหน่าย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอกองค์กร เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง
13. CAO (Chief Analytics Officer)
CAO คือประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์ข้อมูล รับผิดชอบการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและการนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อค้นหาโอกาสทางธุรกิจและแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
C Level เงินเดือนเท่าไหร่?
เงินเดือนของผู้บริหารระดับ C Level ในประเทศไทยมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ขนาดองค์กร อุตสาหกรรม ตำแหน่งและความรับผิดชอบ ประสบการณ์ และผลประกอบการของบริษัท โดยทั่วไปมักจะอยู่ในช่วงหลักแสนถึงหลักล้านบาทต่อเดือน
เงินเดือนเฉลี่ยของ C Level แต่ละระดับ
- CEO บริษัทขนาดใหญ่ ประมาณ 1,000,000 บาทขึ้นไป/เดือน
- CFO/COO บริษัทขนาดใหญ่ ประมาณ 600,000 บาทขึ้นไป/เดือน
- C Level อื่น ๆ ประมาณ200,000 – 500,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับขนาดองค์กร
สรุปบทความ
C Level คือกลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตและประสบความสำเร็จ อาทิ CEO, CFO, COO, CMO ฯลฯ ที่เป็นตำแหน่งดั้งเดิม และรวมไปถึงตำแหน่งที่เกิดขึ้นใหม่อย่าง CDO, CXO, CSO หรือ CAO ด้วย แม้แต่ละตำแหน่งจะมีหน้าที่และความรับผิดชอบแตกต่างกัน แต่ทุกตำแหน่งล้วนต้องทำงานประสานกัน เพื่อพาองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้ ด้วยความที่ C Level มีส่วนในการเติบโตขององค์กรสูงมาก หน้าที่ความรับผิดชอบก็สูงด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไม C Level ได้รับเงินเดือนในระดับที่สูงกว่าตำแหน่งทั่ว ๆ ไป

Leave a Reply