Content Pillars

Content Pillars กลยุทธ์คอนเทนต์เพิ่มความน่าสนใจให้ธุรกิจ

ทิศทางและความชัดเจนของคอนเทนต์ที่เผยแพร่ไปบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย (Social Media) มีความสำคัญมาก เพราะมันบ่งบอกตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ถ้าคุณอยากให้ผู้บริโภครู้ว่าคุณขายสินค้าอะไร เชี่ยวชาญด้านไหน และมองเห็นแบรนด์คุณเป็นอย่างไร คอนเทนต์ที่คุณนำเสนอนี่เองที่เป็นตัวสะท้อนภาพรวมของแบรนด์ ADCHARIYA อยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ Content Pillars ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการจัดระเบียบและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับคอนเทนต์ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่คุณต้องการ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า Content Pillar คืออะไร มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ พร้อมแนบตัวอย่าง Content Pillar และแนะนำ Content Pillar Strategy ฉบับอัปเดตปี 2025

Content Pillar คืออะไร

Content Pillar คือแกนหลักของคอนเทนต์ทั้งหมดที่คุณนำไปเผยแพร่และใช้ในการทำการตลาดออนไลน์ (หนึ่งในกระบวนการทำ Content Marketing ให้มีประสิทธิภาพ) โดย Content Pillars จะมีการแบ่งหมวดหมู่ของคอนเทนต์อย่างชัดเจน ทั้งในด้านของประเภทเนื้อหา รูปแบบของคอนเทนต์ และจุดประสงค์ในการสร้างคอนเทนต์ เพื่อให้คอนเทนต์ทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันและความสอดคล้องกับเป้าหมายของแบรนด์ จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ทางธุรกิจต้องการ อาทิ ยอดขาย หรือการสร้าง Brand Awareness เป็นต้น

ตัวอย่าง Content Pillar จากเว็บไซต์ bukitvista 

Content Pillars มีประโยชน์อย่างไร

การนำกลยุทธ์ Content Pillars มาปรับใช้ ไม่เพียงแต่ช่วยจัดระเบียบเนื้อหาให้เป็นหมวดหมู่ แต่ยังมีประโยชน์กับธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะด้านการสร้างฐานผู้ติดตามและสร้างมูลค่าให้กับแบรนด์ในระยะยาว ทั้งการดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพและเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ด้วยเช่นกัน

ช่วยให้แบรนด์ดิ้งชัดเจนขึ้น

Content Pillars ช่วยให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์มีความชัดเจนขึ้น ผู้บริโภคจะรู้ว่าคุณเชี่ยวชาญและเก่งในเรื่องอะไร เช่น ร้านเครื่องสำอางอาจมี Content Pillars เรื่อง “เทคนิคแต่งหน้าสำหรับมือใหม่” โดยแชร์เนื้อหาเกี่ยวกับการเลือกรองพื้น วิธีเขียนคิ้วให้เป๊ะ หรือไอเดียแต่งหน้าแบบต่าง ๆ ทั้งบนเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย ทำให้ลูกค้าเห็นว่าร้านนี้ใส่ใจและมีความรู้เรื่องเครื่องสำอางจริง ๆ 

ปรับใช้เนื้อหาได้หลายรูปแบบ

เมื่อคุณวางแผน Content Pillars ได้ดี เนื้อหาเดียวสามารถนำไปปรับใช้ได้หลากหลายช่องทาง เช่น จากบทความ SEO ยาว ๆ บนเว็บไซต์ คุณแบ่งเป็นโพสต์สั้น ๆ ตามหัวข้อเพื่อนำไปโพสต์บนเฟซบุ๊กได้ ทำเป็นคลิปสั้นโพสต์ลง TikTok หรือสร้างเป็นรูป Infographic สวย ๆ พร้อมเกร็ดความรู้และนำไปโพสต์บน Instagram ได้ ช่วยให้ประหยัดเวลาในการคิดเนื้อหาใหม่ แถมเข้าถึงคนได้มากขึ้นด้วย

ช่วยกระตุ้น Engagement

Content Pillars ที่มีเนื้อหาตรงใจกลุ่มเป้าหมายช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมบนโซเชียลมีเดีย เพราะคนชอบเนื้อหาที่ตรงกับสิ่งที่พวกเขาสนใจ เช่น ถ้าคุณขายกล้อง แล้วทำคอนเทนต์เรื่อง “วิธีถ่ายรูปให้สวยง่าย ๆ ด้วยมือถือ” คนที่สนใจถ่ายรูปแต่ยังไม่มีกล้องก็จะติดตาม แชร์ และคอมเมนต์ สร้างชุมชนคนรักการถ่ายภาพภายใต้แบรนด์คุณได้

วางแผนคอนเทนต์ล่วงหน้าได้ง่าย

เมื่อมี Content Pillars ที่ชัดเจน คุณจะไม่ต้องนั่งคิดหัวข้อใหม่ทุกวัน แค่ดูว่าเดือนนี้จะเน้นเนื้อหาด้านไหน แล้วแตกย่อยออกมาเป็นหัวข้อต่าง ๆ ได้เลย เช่น คุณแบ่งคอนเทนต์ออกเป็นเรื่อง SEO, Google Ads และ TikTok Ads ในเดือนนี้คุณอาจจะโฟกัสไปที่คอนเทนต์ให้ความรู้เรื่อง SEO เดือนถัดไปก็ไปเน้นที่ข้อดีของการยิงแอด เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ทีมคอนเทนต์ทำงานได้เร็วขึ้น มีเนื้อหาออกสม่ำเสมอ และคุณภาพคงที่ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งคิดว่า “วันนี้จะโพสต์อะไรดี?”

ประเภทของ Content Pillars มีอะไรบ้าง

ประเภทของ Content Pillars สามารถแบ่งได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์ต้องการจัดหมวดหมู่อย่างไร ซึ่งแต่ละแบรนด์อาจกำหนดประเภทแตกต่างกันตามแนวทางการทำคอนเทนต์และเป้าหมายทางธุรกิจ โดยหนึ่งคอนเทนต์อาจจัดอยู่ในหลายประเภทพร้อมกันได้ เราสามารถแบ่ง Content Pillars ได้เป็น 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้

แบ่งตามวัตถุประสงค์

  • Brand Awareness – คอนเทนต์ที่ทำให้คนรู้จักและจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น
  • Engagement – คอนเทนต์ที่กระตุ้นการมีส่วนร่วม ยอดไลก์ คอมเมนต์ แชร์ หรือจำนวนผู้ติดตาม
  • Selling – คอนเทนต์ที่มุ่งเน้นการขาย เช่น โปรโมชัน แนะนำสินค้าใหม่ หรือโชว์คุณสมบัติของสินค้า
  • Reviews – คอนเทนต์ที่แสดงความคิดเห็นหรือความพึงพอใจจากลูกค้าจริง รวมถึง User Generated Content (UGC)

แบ่งตามรูปแบบการนำเสนอ

  • Blog Post – บทความยาว ๆ บนเว็บไซต์ ที่มักทำเพื่อ SEO ให้ข้อมูลละเอียด
  • Organic Post – โพสต์ทั่วไปบนโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้ใช้งบโฆษณา
  • Advertising – คอนเทนต์ที่ทำขึ้นเพื่อยิงโฆษณาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น TikTok Ads, IG Ads, Facebook Ads
  • Infographics – ภาพที่รวมข้อมูลสำคัญไว้ในที่เดียว มีกราฟิกสวยงาม เข้าใจง่าย
  • Video – คอนเทนต์ในรูปแบบวิดีโอทั้งสั้นและยาว มีทั้งภาพและเสียง
  • Podcast – คอนเทนต์เสียงที่ให้ความรู้หรือความบันเทิง ฟังได้แม้ไม่มีภาพประกอบ

แบ่งตามประเภทของเนื้อหา

  • Education – คอนเทนต์ที่ให้ความรู้ สอนวิธีทำสิ่งต่าง ๆ หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
  • Branded – คอนเทนต์ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับแบรนด์โดยตรง เช่น ประวัติความเป็นมา จุดเด่นของสินค้า
  • Lifestyle – คอนเทนต์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร ท่องเที่ยว สุขภาพ ความงาม
  • Realtime – คอนเทนต์ที่ทำตามกระแสหรือเทรนด์ปัจจุบัน ทันต่อเหตุการณ์
  • Seasonal – คอนเทนต์ที่เกี่ยวกับเทศกาลหรือวันสำคัญต่าง ๆ เช่น ปีใหม่ วาเลนไทน์ สงกรานต์

6 ขั้นตอนการทำ Content Pillar Strategy

การสร้าง Content Pillars ที่ดีต้องมีการวางแผนเป็นขั้นตอน เพื่อให้เนื้อหาของคุณเชื่อมโยงกัน ตอบโจทย์ธุรกิจ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด มาดูขั้นตอนการทำ Content Pillar Strategy หลัก ๆ ที่จะช่วยให้คุณสร้าง Content Pillars ได้อย่างมีประสิทธิภาพกันเลย

1. กำหนดเป้าหมายธุรกิจให้ชัดเจน

ก่อนเริ่มทำคอนเทนต์ ต้องรู้ก่อนว่าคุณต้องการอะไร เช่น ต้องการให้คนรู้จักแบรนด์มากขึ้น อยากเพิ่มยอดขาย หรืออยากสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เป้าหมายที่ต่างกันจะใช้วิธีทำคอนเทนต์ที่ต่างกัน เช่น ถ้าอยากขายของ คุณก็ควรเน้นคอนเทนต์ที่พูดถึงประโยชน์ของสินค้า วิธีใช้ และรีวิวจากลูกค้าจริง

2. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย

หลังจากรู้เป้าหมายแล้ว ขั้นต่อไปคือการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายให้เข้าใจว่าพวกเขาเป็นใคร อายุเท่าไร สนใจอะไร มีปัญหาอะไรที่อยากแก้ไข และใช้สื่อในช่วงเวลาไหน ยิ่งรู้จักกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไร คุณจะทำคอนเทนต์ที่ตรงใจพวกเขาได้มากขึ้นเท่านั้น

3. ศึกษาคู่แข่งและเทรนด์

ลองดูว่าคู่แข่งของคุณทำคอนเทนต์แบบไหน นำเสนออย่างไร แบบไหนได้ผลตอบรับดี มีช่องว่างอะไรที่คุณทำได้ดีกว่า นอกจากนี้ ควรติดตามเทรนด์ด้วย ทั้งแฮชแท็กฮิต หัวข้อที่คนกำลังสนใจ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้คอนเทนต์ของคุณทันสมัยอยู่เสมอ

4. กำหนดหัวข้อหลัก

หลังจากรวบรวมข้อมูลพร้อมแล้ว ให้กำหนดหัวข้อหลักของแต่ละ Content Pillars ที่สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจและความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย แต่ละ Pillar ควรกว้างพอที่จะแตกเป็นหัวข้อย่อยได้อีกหลายหัวข้อ เช่น ร้านกาแฟอาจมีหัวข้อหลักเป็น “วิธีชงกาแฟแบบต่าง ๆ” “ประเภทของเมล็ดกาแฟ” และ “เรื่องราวคนรักกาแฟ” เป็นต้น

5. วางแผนรูปแบบและช่องทาง

พิจารณาว่าจะนำเสนอคอนเทนต์ในรูปแบบไหน และจะเผยแพร่ผ่านช่องทางใด โดยดูว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ที่แพลตฟอร์มไหนมากที่สุด และแต่ละแพลตฟอร์มเหมาะกับคอนเทนต์แบบไหน เช่น TikTok เหมาะกับคลิปสั้นสนุก ๆ Instagram เหมาะกับรูปสวย ๆ และเว็บไซต์เหมาะกับบทความให้ความรู้ที่มีรายละเอียดเยอะ ๆ 

6. สร้างปฏิทินเนื้อหาและติดตามผล

สุดท้ายคือการวางแผนว่าจะโพสต์อะไร เมื่อไหร่ บนช่องทางไหน ควรวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อย 1-3 เดือน เพื่อให้มีคอนเทนต์ออกมาอย่างต่อเนื่อง และอย่าลืมติดตามผลว่าคอนเทนต์ไหนได้รับความสนใจมากที่สุด เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป

สรุป

สำหรับนักการตลาดคนใดที่รู้สึกว่าการวางแผนคอนเทนต์ในแต่ละเดือนเป็นเรื่องยาก หรือรู้สึกว่าคอนเทนต์ที่โพสต์ลงไปบนโลกออนไลน์ในตอนนี้มันดูเข้ากันสักเท่าไหร่ ลองทำ Content Pillars วางแผนและจัดระเบียบคอนเทนต์ดูก่อน แล้วคุณจะมองเห็นภาพรวมของคอนเทนต์ทั้งหมด ไม่เพียงเท่านั้น Content Pillars ยังทำให้คุณรู้ Timeline ในการโพสต์คอนเทนต์ที่ชัดเจนด้วย ทำให้คุณสามารถวางแผนและจัดการงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น นอกจากนี้ Content Pillars ยังสามารถนำไปปรับใช้กับกลยุทธ์การตลาด (Marketing Strategy) ได้หลากหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็น Social Media Marketing, Influencer Marketing, SEO, Facebook Ads ฯลฯ


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *