Canonical Tag คืออะไร

Canonical Tag คืออะไร สำคัญไหม ควรใช้ในกรณีไหน พร้อมวิธีทำ

หากคุณทำ SEO บนเว็บไซต์ไปเรื่อย ๆ เว็บไซต์ก็จะเติบโตขึ้น ปัญหาเรื่องมีหน้าเว็บไซต์หลายหน้ามีเนื้อหาเหมือนกันหรือใช้คีย์เวิร์ดเดียวกันโดยไม่รู้ตัวอาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งมันจะทำให้ Google สับสนว่าควรนำหน้าไหนไปจัดอันดับดี จนส่งผลทำให้ Web Traffic ลดลงได้ Canonical Tag คือสิ่งที่จะทำให้ Google ไม่สับสนอีกต่อไป โดยทำตัวเหมือนป้ายบอกทางและแจ้งให้ Google รู้ว่าหน้าไหนคือหน้าหลักที่ต้องเอาไปจัดอันดับ เพื่อให้คุณเข้าใจในเรื่องนี้มากขึ้น ADCHARIYA จะพาคุณเข้าใจว่า Canonical Tag คืออะไร สำคัญอย่างไร พร้อมวิธีตั้งค่าและตรวจสอบแบบง่าย ๆ อัปเดต 2025

Canonical Tag คืออะไร

Canonical Tag คือการทำให้ Search Engine อย่าง Google รู้ว่าเราต้องการให้หน้าไหนเป็นหน้าหลัก เพื่อให้ Google นำหน้าหลักนั้นไปแสดงผลและจัดอันดับบน Google SERPs ได้อย่างถูกต้อง ผ่าน HTML โค้ด <link rel=”canonical” href=”https://www.example.com/หน้าหลัก”> ซึ่ง Canonical Tag มักจะถูกใช้ในกรณีที่เว็บไซต์มีหน้าที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกันหรือซ้ำกันหลายหน้า และป้องกันไม่ให้ Google มองว่าเราทำการคัดลอกเนื้อหามา เพราะถ้า Google เห็นว่าเราเขียนเนื้อหาเดิมซ้ำ ๆ มันจะกลายเป็นปัญหาที่เรียกว่า Duplicate Content เว็บไซต์ของเราก็จะดูไม่น่าเชื่อถือ ดูไม่มีคุณภาพ และอาจจะถูกลดอันดับลงได้

Canonical Tag สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร

Canonical Tag สำคัญกับการทำ SEO (Search Engine Optimization) อย่างมาก เพราะมันช่วยแก้ปัญหาเรื่องเนื้อหาซ้ำซ้อนบนเว็บไซต์ได้อย่างมีคุณภาพ โดย Canonical Tag จะทำหน้าที่เหมือนเป็นป้ายบอกให้ Goolgle เข้าใจความต้องการเจ้าของเว็บไซต์ว่าควรนำหน้าไหนไปจัดอันดับนั่นเอง

  1. รวมพลัง SEO ไว้ที่หน้าเดียว แทนที่คะแนน SEO จะกระจายไปหลายอยู่ในหลาย ๆ หน้าที่มีเนื้อหาคล้ายกัน การใช้ Canonical Tag จะช่วยรวมคะแนนทั้งหมดไว้ที่หน้าเดียว ทำให้หน้านั้นมีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น
  2. ลดการเปลืองทรัพยากรการ Crawl Google มี “งบประมาณ” ในการเก็บข้อมูลเว็บแต่ละเว็บ การใส่ Canonical Tag ช่วยให้ Google ไม่ต้องเสียเวลาเก็บข้อมูลหน้าที่ซ้ำกัน ทำให้เน้นไปที่หน้าสำคัญได้มากขึ้น
  3. ลดความสับสนจากหลาย URL บางครั้งหนึ่งหน้าเว็บอาจเข้าถึงได้จากหลาย URL (หากมีการทำ 301 Redirect มาก่อน) การใช้ Canonical Tag ช่วยระบุว่า URL ไหนควรนำไปแสดงผลบน Google
  4. ป้องกันปัญหาจากการคัดลอกเนื้อหา บางเว็บอาจมีการนำเนื้อหาไปแสดงในหลาย q ส่วน เช่น บทความเดียวกันอยู่ทั้งในหน้าบล็อก หน้าหมวดหมู่ หน้าแท็ก หรือหน้าสินค้า Canonical Tag ช่วยบอกว่าเนื้อหาต้นฉบับอยู่ที่ URL ไหน
  5. ทำให้เว็บดูน่าเชื่อถือในสายตา Google การดูแลเว็บอย่างเป็นระเบียบด้วย Canonical Tag แสดงให้ Google เห็นว่าคุณใส่ใจในคุณภาพเว็บไซต์ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการจัดอันดับโดยรวม

วิธีใช้ Canonical Tag ให้ถูกต้อง

Canonical Tag ควรใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรทำ Canonical Tag จากทุกหน้าไปยังเว็บไซต์เดียว หรือทำต่อกันเป็นลูกโซ่ ควรเลือกเฉพาะหน้าที่มีเนื้อหาคล้ายคลึงกันเท่านั้น โดยปกติแล้ว เราจะทำ Canonical Tag ก็ต่อเมื่อมี 3 กรณีต่อไปนี้เกิดขึ้นบนเว็บไซต์

  1. เนื้อหาที่ซ้ำกัน (Duplicate Content) อาจเกิดจากการเขียนบทความ SEO ที่ใช้คีย์เวิร์ดหลักเป็นคำเดียวกัน การคัดลอกเนื้อหาจากที่อื่นหรือหน้าอื่นมาใช้งาน
  2. เนื้อหาที่คล้ายคลึงกัน (Similar Content) มักพบในเว็บไซต์ขายของออนไลน์ (E-Commerce) ที่มีหน้าสินค้าเยอะ (แยกสินค้าออกเป็นรุ่น ๆ ) เพราะรายละเอียดสินค้าหรือ Product Description มักจะมีความคล้ายคลึงกัน
  3. URL ที่มีพารามิเตอร์ (URL Parameters) ถึงแม้จะแสดงเนื้อหาเดียวกัน แต่ Google อาจมองเป็นหลายหน้าได้ การใช้ Canonical Tag จะช่วยระบุหน้าหลักและรวมคะแนน SEO ไว้ที่เดียว

วิธีทำ Canonical Tag บน WordPress

Yoast SEO คือปลั๊กอิน SEO WordPress ยอดนิยมที่ใช้ในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ Search Engine และสามารถใช้ในการจัดการ Canonical Tag ได้ด้วยเช่นกัน คุณสามารถทำ Canonical Tag ผ่าน Yoast SEO ได้ง่าย ๆ ตามวิธีต่อนี้เลย

  1. ติดตั้งและเปิดใช้งานปลั๊กอิน Yoast SEO
  2. เปิดหน้าหรือบทความ SEO ที่ต้องการแก้ไข
  3. เลื่อนลงไปที่กล่อง Yoast SEO ด้านล่าง
  4. คลิกที่แท็บ “ขั้นสูง” (ไอคอนเฟือง)
  5. ใส่ URL ของหน้าหลักในช่อง “Canonical URL”
  6. กดปุ่ม “อัปเดต” เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลง

สอนเช็ก Canonical Tag ง่าย ๆ ในคลิกเดียว

การตรวจสอบ Canonical Tag บนเว็บไซต์ทำได้ง่าย ๆ ด้วยส่วนขยายบน Google Chrome ที่ชื่อว่า “SEO Meta in 1 Click” ซึ่งช่วยให้คุณดู Canonical Tag และข้อมูลเกี่ยวกับ On-Page SEO ทั้งหมดได้เพียงคลิกเดียว โดยไม่ต้องเสียเวลาตรวจสอบโค้ด HTML

สอนเช็ก Canonical Tag ง่าย ๆ ในคลิกเดียว

สรุป

สำหรับนักทำ SEO ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ Canonical Tag คือวิธีแก้ปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งใช้งานได้ง่ายผ่านปลั๊กอินอย่าง Yoast SEO และตรวจสอบได้รวดเร็วด้วย Chrome Extension อย่างไรก็ตาม การวางแผนโครงสร้างเว็บไซต์และคีย์เวิร์ดอย่างเป็นระบบตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจต้องแก้ไขภายหลังด้วย Canonical Tag และทำให้เว็บไซต์ของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *