การที่คอนเทนต์ที่เราทำถูกแชร์ต่อรัว ๆ พร้อมกับมีคอมเมนต์ ยอดวิว และยอดไลก์มากมาย ย่อมเป็นเรื่องที่ดีและเป็นใคร ๆ ก็ต้องการ เพราะมันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคอนเทนต์นั้นกำลังได้รับความนิยมและนับว่าเป็นการทำ Viral Marketing ที่ประสบความสำเร็จ ข้อดีของการที่คอนเทนต์เป็นไวรัลคือมีคนจดจำแบรนด์ได้มากขึ้น เพิ่มความน่าเชื่อถือ และสร้างโอกาสในการได้ยอดขายมากขึ้น (แม้จะเป็นทางอ้อมก็ตาม) มาทำความเข้าใจว่า Viral Marketing คืออะไรให้มากขึ้น พร้อมดูตัวอย่าง Viral Marketing และเรียนรู้เทคนิคการทำ Viral Marketing ได้ในบทความนี้กับ ADCHARIYA ได้เลย
Viral Marketing คืออะไร
Viral Marketing คือกลยุทธ์การตลาดที่ทำให้เกิดการแพร่กระจายข้อมูลอย่างรวดเร็วผ่านการบอกต่อของผู้บริโภค โดยอาศัยพลังของโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok, Facebook หรือ X (Twitter) เป็นช่องทางหลักในการกระจายข้อมูล เมื่อคอนเทนต์ดึงดูดความสนใจ ผู้คนจะแชร์ต่อให้กับคนรู้จัก ทำให้คอนเทนต์นั้นแพร่กระจายในวงกว้างจนเกิดเป็นกระแสที่มีคนพูดถึงจำนวนมากในเวลาสั้น ๆ ส่งผลให้แบรนด์เกิดการรับรู้ (Brand Awareness) และความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
ข้อดีของการทำ Viral Marketing
- ข้อมูลถูกกระจายอย่างรวดเร็ว ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ได้ดีในระยะเวลาสั้น ๆ
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง และดึงดูดผู้ชมที่มีความสนใจตรงกับเนื้อหา
- ความน่าเชื่อถือสูง เพราะเป็นการแชร์จากผู้ใช้จริง ๆ
- กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม ผ่านการกดไลก์ คอมเมนต์ และแชร์
- ต้นทุนต่ำ แต่ให้ผลตอบแทนสูง เพราะผ่านการแชร์ต่อแบบธรรมชาติของผู้บริโภค
ข้อเสียของการทำ Viral Marketing
- ไม่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์หรือฟีดแบคหลังเนื้อหาถูกแชร์ต่อได้
- มาเร็วไปเร็ว มีอายุสั้น จึงต้องสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ อยู่เสมอ
- วัดผลและติดตามผลได้ยาก เพราะเกิดการแชร์ต่อในหลายช่องทาง
- หากถูกกระแสสังคมตีกลับ อาจถูกวิจารณ์ในแง่ลบและเสียความน่าเชื่อถือได้
Viral Marketing มีอะไรบ้าง
Viral Marketing มีหลายรูปแบบที่ช่วยกระตุ้นให้ผู้คนแชร์และส่งต่อเนื้อหาอย่างรวดเร็ว โดยรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูง ได้แก่
- วิดีโอสั้น ที่มีเนื้อหาช่วยสร้างอารมณ์ร่วม ไม่ว่าจะตลก ซึ้ง หรือประทับใจ ทำให้ผู้ชมอยากแชร์ต่อ
- ภาพและอินโฟกราฟิก สื่อสารข้อมูลได้รวดเร็ว เข้าใจง่าย และแชร์ต่อได้สะดวก
- เกมและแอปพลิเคชัน สร้างการมีส่วนร่วมและกระตุ้นให้ชวนเพื่อนมาเล่น
- แคมเปญพิเศษ แคมเปญหรือกิจกรรมที่เชิญชวนให้ผู้ใช้สร้างหรือแชร์เนื้อหาเกี่ยวกับแบรนด์
- โปรโมชั่นการแชร์ต่อ ข้อเสนอพิเศษที่ผู้รับต้องแชร์เพื่อรับสิทธิประโยชน์
- Influencer Marketing ใช้ผู้มีอิทธิพลช่วยเผยแพร่เนื้อหาสู่ผู้ติดตาม
- Emotional Marketing สร้างเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์แรงกล้า ทำให้อยากแชร์ต่อ
- เรื่องเล่าและประสบการณ์ เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจหรือเกี่ยวข้องกับผู้ชม
ตัวอย่าง Viral Marketing จาก Tops Thailand
Tops Thailand เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในประเทศไทยที่ใคร ๆ ก็รู้จักกัน ซึ่งเค้าขึ้นชื่อเรื่องการทำ Viral Content หรือ Viral Marketing อยู่แล้ว และนี่คือตัวอย่าง Viral Marketing จาก Tops Thailand ที่เราหยิบยกมาให้ชมกัน

“หมูเด้ง” เป็นลูกฮิปโปแคระ จากสวนสัตว์เปิดเขาเขียว จังหวัดชลบุรี ด้วยความน่ารักของหมูเด้งและพฤติกรรมฮา ๆ ที่น้องแสดงออกมา จึงเกิดการแชร์ต่อบนโซเซียลมีเดียเป็นวงกว้าง กลายเป็นไวรัลในชั่วข้ามคืน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติก็รู้จักหมูเด้งกันทั้งนั้น ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ ก็ติดต่อขอออกคอลเลกชันหมูเด้งกันยกใหญ่ อย่างทาง Tops Thailand เองก็ได้ทำคอนเทนต์ “รวมสินค้าหมูเด้ง ไอคอนประจำปี 2024 ที่มีขายในท็อปส์” ซึ่งมีการได้ลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้อง แถมยังนำรายได้ส่วนหนึ่งไปมอบให้องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมรชูปถัมภ์ ภายใต้โครงการ “หมูเด้ง” เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และดูแลสวัสดิภาพของเพื่อนสัตว์ด้วย แคมเปญนี้ทำเอาได้ใจผู้บริโภคและแฟนคลับหมูเด้ง จนเกิดการแชร์ต่อไปตาม ๆ กัน
5 เทคนิคการทำ Viral Marketing ให้โดนใจผู้บริโภค
แจก 5 เทคนิคการทำ Viral Marketing ให้โดนใจผู้บริโภค กระตุ้นให้เกิดการแชร์ต่อ พร้อมรับ Engagement จากการเป็นไวรัลแบบปัง ๆ แม้ทั้ง 5 เทคนิคนี้จะไม่สามารถการันตีได้ 100% ว่าจะเป็นไวรัล เนื่องจากขึ้นอยู่กับอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มและเนื้อหาที่หยิบมาทำด้วย แต่การนำเทคนิคเหล่านี้ไปเป็นแนวทางในการทำคอนเทนต์ล่ะก็ ย่อมมีโอกาสมากขึ้นอย่างแน่นอน
1. รู้ใจกลุ่มเป้าหมาย
ก่อนทำเนื้อหาอะไรออกไป ต้องรู้ก่อนว่าคนที่คุณอยากให้เห็นคือใคร พวกเขาชอบอะไร สนใจอะไร มีปัญหาอะไร และมีพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียแบบไหน เนื้อหาที่โดนใจคนดูเฉพาะกลุ่มย่อมดีกว่าเนื้อหาที่พยายามเอาใจทุกคนแต่ไม่โดนใจใครสักคน เมื่อเนื้อหาตรงกับสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายของคุณสนใจ พวกเขาจะรู้สึกเหมือนคุณเข้าใจพวกเขาจริง ๆ และมีแนวโน้มจะแชร์ให้เพื่อนในกลุ่มเดียวกันที่มีความสนใจคล้าย ๆ กันสูง
2. จับกระแสให้ทัน
โอกาสในการเป็นไวรัลจะสูงขึ้นถ้าเนื้อหาของคุณเกี่ยวข้องกับสิ่งที่คนกำลังพูดถึงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอตในข่าว ละครดัง เพลงฮิต หรือเทศกาลสำคัญ อย่างคริสต์มาส สงกรานต์ แต่ต้องระวังไม่เอาประเด็นอ่อนไหวมาเล่น เพราะอาจกลายเป็นดราม่าที่ทำให้แบรนด์ดูแย่ได้ แนะนำให้ทำเนื้อหาที่สอดคล้องกับกระแสแต่ยังคงความเป็นแบรนด์ของคุณไว้ และต้องทำเร็ว ทำทันที ก่อนที่กระแสจะเปลี่ยนไป
3. สร้างเรื่องราวที่จับใจ
การเล่าเรื่องที่ดีทำให้คนรู้สึกอยากติดตามและแชร์ต่อ แทนที่จะยัดเนื้อหาแต่ข้อมูลสินค้าขายของล้วน ๆ ลองสร้างเรื่องราวที่มีจุดเริ่มต้น จุดกลางเรื่อง และบทสรุปที่ชัดเจน ใส่ตัวละครที่คนเข้าถึงได้และมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนประหลาดใจหรือมีความรู้สึกร่วม เรื่องเล่าที่คนเห็นแล้วนึกถึงตัวเองหรือคนใกล้ตัวจะทำให้พวกเขารู้สึกว่า “นี่แหละ แบรนด์นี้เข้าใจฉันชัด ๆ” และทำให้อยากส่งต่อให้คนอื่นดูด้วย
4. กระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึก
เนื้อหาที่ทำให้คนรู้สึกอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตลก ขำ ซึ้ง ประทับใจ หรือตกใจ มีโอกาสถูกแชร์มากกว่าเนื้อหาที่ไม่สร้างความรู้สึกอะไรเลย ลองดูโฆษณาไทยประกันชีวิตที่คนร้องไห้ตามกันทั้งประเทศ หรือคลิปตลกที่แชร์กันทั่วโซเชียล ล้วนทำให้คนมีอารมณ์ร่วมแรงพอที่จะรู้สึกว่า “เพื่อนฉันต้องดูนี่แน่ ๆ ” สร้างเนื้อหาที่ทำให้คนลืมไปชั่วขณะว่ากำลังดูโฆษณา แต่จดจำความรู้สึกที่ได้รับ
5. แหวกแนวให้จำได้
ทุกวันคนเห็นคอนเทนต์มากมายหลายร้อยชิ้น จะทำยังไงให้ของคุณโดดเด่นและเป็นไวรัลล่ะ? คำตอบคือต้องกล้าทำอะไรที่แตกต่าง กล้าหักมุม สร้างสรรค์แนวคิดที่คนไม่เคยเห็น หรือเล่าเรื่องเดิมในมุมใหม่ ๆ แคมเปญที่เล่นกับความคาดหวังของคนดูและทำให้พวกเขาตกใจหรือประหลาดใจจะได้รับความสนใจมากกว่า ลองคิดนอกกรอบ ทำในสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมและตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์
สรุป

Leave a Reply