ตอนนี้การทำการตลาดออนไลน์มีหลายวิธีที่ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้าได้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีที่กำลังได้รับความนิยมมาก ๆ ในตอนนี้คือการใช้คนที่มีความรู้เฉพาะด้านมาช่วยโปรโมต หรือที่เรียกว่า KOLs ย่อมาจาก Key Opinion Leader แต่หลายคนมักสับสนกับ Influencer และคิดว่าเป็นอย่างเดียวกัน ADCHARIYA เห็นว่าการเลือกคนที่ใช่มาช่วยโปรโมตสินค้าและธุรกิจสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือและยอดขายโดยตรง เราจึงจะมาอธิบายให้คุณเข้าใจว่า KOLs คืออะไร KOLs ย่อมาจากอะไร และKOL กับ Influencer ต่างกันอย่างไร ผ่านบทความนี้
KOLs คืออะไร KOLs ย่อมาจากอะไร
KOLs ย่อมาจาก Key Opinion Leader หรือผู้นำทางความคิดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกลุ่มผู้ติดตาม โดย KOLs คือบุคคลเหล่าที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น ความงาม อาหาร เทคโนโลยี หรือการเงิน พวกเขาสร้างความน่าเชื่อถือผ่านความรู้และประสบการณ์ของตัวเอง ไม่ใช่แค่มีผู้ติดตามจำนวนมากเท่านั้น แต่สามารถโน้มน้าวใจและมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคได้ แบรนด์ต่าง ๆ จึงมักร่วมงานกับ KOLs เพื่อโปรโมตสินค้าและบริการ เพราะช่วยสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ได้มากกว่าการโฆษณาแบบทั่วไป อย่าง TikTok Ads หรือ Facebook Ads ที่แบรนด์เป็นผู้สร้างโฆษณาเอง
KOL กับ Influencer ต่างกันอย่างไร
Influencer คือคนที่มีผู้ติดตามเยอะบนโซเชียลมีเดีย สามารถสร้างกระแสและชักจูงให้คนซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ได้ คนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์มักนำเสนอการใช้ชีวิต รีวิวสินค้า หรือสร้างเนื้อหาที่ตรงใจผู้ติดตามเป็นหลัก โดยไม่จำเป็นต้องรู้ลึกรู้จริงในเรื่องที่นำเสนอเหมือน KOLs เพียงแค่ทำคอนเทนต์ให้น่าสนใจและดึงดูดคนดูได้ก็พอ เช่น ดารา คนดังในโซเชียล หรือยูทูบเบอร์ที่มีคนติดตามเพราะความสนุกหรือบุคลิกที่ชอบ เน้นกระตุ้นยอดขาย ทำให้แบรนด์และสินค้าเป็นที่รู้จัก หรือสร้างความน่าเชื่อถือในระดับที่น้อยกว่า KOL
- ความเชี่ยวชาญ KOL เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วน Influencer ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะด้าน
- ผู้ติดตาม Influencer มีจำนวนผู้ติดตามหลายระดับ ตั้งแต่ 1,000 คนขึ้นไป ส่วน KOL ไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามเยอะ
- ลักษณะคอนเทนต์ KOL นำเสนอเนื้อหาที่ให้รายละเอียดเชิงลึก Influencer เน้นแนะนำสินค้าทั่วไป
- ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้าง Influencer ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ติดตาม ส่วน KOL ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- วัตถุประสงค์ทางการตลาด KOL เหมาะกับการสร้างความน่าเชื่อถือ เหมือนได้รับการยอมรับจากผู้เชี่ยวชาญ ส่วน Influencer เน้นการโปรโมตที่ทำให้สินค้าเป็นที่รู้จัก น่าสนใจ และกระตุ้นยอดขาย
ตัวอย่าง KOL ในไทย มีใครบ้าง
- เชฟป้อม ม.ล.ขวัญทิพย์ เทวกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย มีบทบาทในรายการแข่งขันทำอาหาร
- อาจารย์อดัม ชาวอเมริกาที่เชี่ยวชาญด้านการใช้ภาษาอังกฤษ และทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องง่าย
- หมอแล็บแพนด้า (ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน) ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์ มีอิทธิพลด้านสุขภาพและการสื่อสารวิทยาศาสตร์
- โมเม พาเพลิน (Daily Cherie) บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดัง ที่โดดเด่นการสอนแต่งหน้าและแนะนำเครื่องสำอางบน YouTube
ตัวอย่าง Influencer ในไทย มีใครบ้าง
- เบล ขอบสนาม ครีเอเตอร์สายกีฬา ที่สร้างชื่อจากคลิปวิเคราะห์และเล่าเรื่องฟุตบอลแบบสนุกสนาน
- Pimmypie แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ที่มีสไตล์การขายเฉพาะตัว
- Cullen Hateberry อินฟลูเอนเซอร์สายท่องเที่ยวชาวเกาหลี โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศไทย
- Mojiko อินฟลูเอนเซอร์สาย Food ชอบรีวิวร้านอาหารอร่อย ๆ เป็นประจำ
- Brinkkty อินฟลูเอนเซอร์สาวที่ทำคอนเทนต์ได้หลากหลายมาก ทั้งบิวตี้ ท่องเที่ยว และไลฟ์สไตล์
KOL ดีไหม ทำไมใคร ๆ ก็อยากเป็น
การเป็น KOL กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากจะได้แบ่งปันความรู้และความเชี่ยวชาญของตัวเองแล้ว ยังมีโอกาสสร้างรายได้จากสิ่งที่ตัวเองถนัดและชื่นชอบ หลายคนเริ่มต้นจากการแชร์ความรู้แบบไม่หวังผลตอบแทน แต่เมื่อมีผู้ติดตามมากขึ้น ก็เปิดโอกาสให้เติบโตได้อีกหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับแบรนด์ต่าง ๆ การเป็นที่ปรึกษา หรือการจัดอบรมสัมมนา ซึ่งจะตามมาด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นและสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้นั่นเอง นอกจากนี้ การเป็น KOL ยังช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง สร้างคอนเนกชั่นที่กว้างขึ้น มีอิสระในการทำงานมากขึ้น และที่สำคัญคือได้ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความรู้ที่เรามี จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอยากผันตัวมาเป็น KOL กัน
ข้อดีของการทำ KOL Marketing คืออะไร
การทำ KOL Marketing เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างความน่าเชื่อถือและเข้าถึงคนที่สนใจเรื่องเฉพาะด้าน โดยเฉพาะธุรกิจสุขภาพ การเงิน และเทคโนโลยี แบรนด์ต่าง ๆ เลือกใช้ KOL เพราะพวกเขามีอิทธิพลต่อคนที่ติดตามและสามารถช่วยสร้างความมั่นใจในสินค้าได้ดี
เข้าถึงคนที่สนใจจริง ๆ
KOL มีคนติดตามที่สนใจในเรื่องที่พวกเขาถนัด ทำให้แบรนด์ไม่ต้องเสียเวลาหากลุ่มเป้าหมาย คนที่ติดตาม KOL มักสนใจข้อมูลลึกและพร้อมซื้อสินค้าหากได้รับคำแนะนำที่ดี ช่วยให้แบรนด์เข้าถึงคนที่มีโอกาสซื้อสินค้าจริง ๆ ได้ง่ายขึ้น
สร้างความน่าเชื่อถือได้ดี
เมื่อผู้รู้ลึกรู้จริงอย่าง KOL พูดถึงสินค้าของคุณ ลูกค้าจะเชื่อมากกว่าการโฆษณาแบบทั่วไป เพราะ KOL มีความรู้และประสบการณ์ที่น่าเชื่อถือ คนมักฟังคำแนะนำจากคนที่พวกเขาไว้ใจอยู่แล้ว ทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือขึ้นเมื่อมี KOL มารับรอง
ช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง
KOL ที่เลือกให้ตรงกับสินค้าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ดี เพราะคนที่ติดตามพวกเขามักทำตามคำแนะนำ โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการความรู้พิเศษในการเลือกซื้อ เช่น กล้อง คอมพิวเตอร์ หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ การมีคนที่รู้จริงมาแนะนำทำให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
ประหยัดงบโฆษณา
การใช้ KOL คุ้มค่ากว่าการโฆษณาแบบเดิม เพราะเจาะตรงไปที่คนที่สนใจจริง ๆ ไม่ต้องเสียเงินโฆษณาให้คนที่ไม่สนใจสินค้า บางครั้งการใช้ KOL ที่มีคนติดตามไม่เยอะแต่มีความเชี่ยวชาญสูง (Micro-KOL) อาจได้ผลดีกว่าการใช้คนดังทั่วไปที่มีค่าตัวแพงกว่ามาก
ได้เนื้อหาดี ๆ ไปใช้ต่อ
KOL เก่งเรื่องการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและให้ความรู้ เข้าใจว่าคนติดตามชอบอะไร ทำให้แบรนด์ได้เนื้อหาที่ดีที่สามารถนำไปใช้ต่อในช่องทางอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น เอาไปลงเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือนำไปใช้ในการทำโฆษณารูปแบบอื่นก็ตาม
แนวทางการเลือกใช้ KOL ให้ดีต่อธุรกิจมากที่สุด
- รู้จักธุรกิจและลูกค้าของคุณ ก่อนเลือก KOL ต้องเข้าใจว่าธุรกิจขายอะไร ลูกค้าเป็นใคร และต้องการให้ KOL ช่วยสร้างการรับรู้หรือเพิ่มยอดขาย
- หา KOL ที่รู้จริงในสินค้าของคุณ เลือกคนที่มีความรู้และประสบการณ์ในสิ่งที่คุณขาย เช่น ขายอาหารเสริมก็เลือกหมอหรือนักโภชนาการ
- ดูคุณภาพผู้ติดตามมากกว่าจำนวน สนใจว่าผู้ติดตามของ KOL ตรงกับกลุ่มลูกค้าของคุณไหม และมีการมีส่วนร่วมมากแค่ไหน ไม่ใช่แค่มีคนติดตามเยอะ
- เช็กประวัติให้ดี ตรวจสอบว่า KOL มีภาพลักษณ์ที่ดี ไม่เคยมีประวัติเสียหาย และดูว่าเคยพูดถึงธุรกิจแบบคุณอย่างไรบ้าง
- วางแผนคอนเทนต์ให้เหมาะกับ KOL ปล่อยให้ KOL นำเสนอสินค้าในแบบของเขาเอง ไม่บังคับให้พูดตามสคริปต์ทุกอย่าง เพื่อให้คอนเทนต์ดูเป็นธรรมชาติ
- ตั้งเป้าหมายและวัดผลให้ชัด กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น ยอดขายที่เพิ่มขึ้นหรือการเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อวัดว่าการทำงานกับ KOL คุ้มค่าหรือไม่
สรุป
สรุปว่า KOL คือผู้มีอิทธิพลทางความคิดที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน โดย KOLs ย่อมาจาก Key Opinion Leader ซึ่งแตกต่างจาก Influencer ตรงที่เนื้อหาที่ทาง KOL นำเสนอจะมีความละเอียดและลงลึกมากกว่า ส่วนอินฟลูเอนเซอร์จะเน้นการทำคอนเทนต์อย่างสร้างสรรค์ นำเสนอจุดเด่น ไม่ได้ลงรายละเอียดเชิงลึก และไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเท่า KOL สำหรับการเลือกใช้ KOL และ Influencer ในการทำการตลาดออนไลน์ แบรนด์ควรพิจารณาจากความเหมาะสมในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมาย ภาพลักษณ์ คุณภาพของเนื้อหา ระดับความรู้ ยอดผู้ติดตาม และอย่าลืมตั้งเป้าหมายการวัดผลที่ชัดเจนสำหรับเจ้าของธุรกิจคนใดที่กำลังมองหาดิจิทัลเอเจนซี่ เข้ามาดูแลเรื่องการทำ KOL Marketing หรือ Influencer Marketing แอดฉริยะ (ADCHARIYA) ยินดีให้คำปรึกษาด้านการทำ KOL Marketing และดูแลการตลาดออนไลน์ของคุณอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการยิงโฆษณา Google Ads, Facebook Ads, TikTok Ads หรือจะเป็นการทำ SEO (Search Engine Optimization) และบริการด้าน Creative ก็ตาม

Leave a Reply