Performance Max คืออะไร ทำไมถึงช่วยให้ CVR พุ่งรัว ๆ
Google คือหนึ่งในเครื่องมือการค้นหา (Search Engine) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก และมีการครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 92% จึงไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่าทำไมนักการตลาดถึงนิยมทำการตลาดออนไลน์ผ่านทาง Google กัน ทั้งในส่วนของ Organic ที่เรียกว่าการทำ SEO และส่วนของการทำโฆษณา Google Ads เลย ซึ่งในบทความนี้เราจะเจาะลึกลงไปที่แคมเปญโฆษณารูปแบบใหม่ของ Google Ads หรือที่เรียกว่า “Performance Max” นั่นเอง
ใครที่เป็นนักยิงโฆษณาตัวยงจะต้องรู้ว่าการทำ Performance Max คืออะไร มีฟีเจอร์อะไรบ้าง และทำไมถึงดีกว่าแคมเปญโฆษณารูปแบบเก่า แต่ถ้ายังไม่รู้ก็ไม่เป็นไร เพราะแอดฉริยะจะพาคุณมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้แบบทันใจ ถ้าพร้อมแล้วเราไปทำความรู้จักกันเลยว่า Performance Max คืออะไรกันแน่!?
Google Performance Max คืออะไร
Google Performance Max คือแคมเปญโฆษณารูปแบบใหม่จาก Google ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ในระดับที่สูงที่สุด (ตามชื่อแคมเปญ) สามารถเรียกสั้น ๆ ได้ว่า “PMax” โดย Performance Max จะทำให้การยิงโฆษณา Google Ads ของคุณเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่โฆษณาให้ถึงขีดสุด
และ Performance Max ยังสามารถวัดผลได้อย่างชัดเจน ทั้งในส่วนของ ROAS (ผลตอบแทนจากค่าโฆษณา), Lead (กลุ่มคนที่มีโอกาสในการเป็นลูกค้าของเราในอนาคต), Sales (ยอดขายที่เพิ่มขึ้น) และ Conversion (กิจกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิมของ Lead ตามที่เราต้องการ เช่น การลงทะเบียน สมัครสมาชิก สั่งซื้อสินค้า) ด้วย

Performance Max มีการทำงานอย่างไร
ก่อนหน้าที่จะมี Performance Max เวลาที่เราจะยิงโฆษณาผ่าน Google Display Network (GDN) หรือเครือข่ายโฆษณาของ Google Ads ที่ประกอบไปด้วย Search, YouTube, Display, Discover, Gmail และ Google Maps เราจะต้องสร้างแคมเปญแยกกัน จึงมีความยุ่งยากและทำให้คุณเสียเวลาไปไม่น้อย ซึ่ง Performance Max นี่แหละ ที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเหล่านี้!
Performance Max มีการนำ Machine Learning (ระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเรียนรู้การทำสิ่งต่าง ๆ ได้เองจากการนำข้อมูลมาวิเคราะห์) มาใช้งาน เพื่อทำให้แคมเปญโฆษณามีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำมากกว่าเดิม และทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดีที่สุด
เมื่อคุณอัปโหลด Media ที่ต้องการทำโฆษณาอย่างข้อความ รูปภาพ หรือวิดีโอลงไป ระบบก็จะให้คุณกำหนดวัตถุประสงค์ (Objective) จากนั้นระบบจะนำข้อมูล Performance ของแต่ละช่องทางมาวิเคราะห์ และบริหารงบประมาณอย่างเหมาะสม ซึ่งขั้นตอนถัดไปคือการนำส่งโฆษณาไปแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็น ผ่านช่องทางต่าง ๆ ตามงบประมาณที่ได้จัดสรรไว้แบบอัตโนมัติ
8 เทคนิคในการเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญบน PMax
- Creative Content ให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย มี Key Message ชัด และต้องมีการใส่ Call to Action เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจด้วย
- เพิ่ม First Party Audience หรือ Remarketing Audience List เข้าไปในกลุ่มเป้าหมาย (Audience Signals) ด้วย เพื่อให้ระบบจัดการกลุ่มเป้าหมายของแต่ละแคมเปญได้อย่างมีประสิทธิภาพดีที่สุด
- ตั้งงบประมาณในการทำแคมเปญให้สูงกว่า CPA (ค่าโฆษณาต่อ 1 การกระทำ)
- ใช้งานแคมเปญอย่างน้อย 6 สัปดาห์ เพื่อให้ Google AI ได้ทำความเข้าใจข้อมูลและผลลัพธ์ต่าง ๆ อย่างละเอียด ก่อนที่จะนำไปเปรียบเทียบประสิทธิภาพของแต่ละแคมเปญ
- เริ่มแคมเปญโฆษณาล่วงหน้า 2-3 สัปดาห์ก่อนถึงเวลาโปรโมตจริง จากนั้นให้ Refresh โฆษณาบ่อย ๆ และย้ายโฆษณาไปที่แคมเปญที่เน้นการขายเป็นหลัก
- ใส่ Keyword อย่างน้อย 1 คำ พร้อมระบุราคาหรือโปรโมชันพิเศษ
- เน้นจุดเด่นของแบรนด์ที่เหนือกว่าคู่แข่ง
- เชื่อมต่อแคมเปญโฆษณาไปยังหน้า Landing Page บนเว็บไซต์ เพื่อเพิ่มฐานข้อมูลลูกค้าและช่วยให้คุณสามารถทำ Retargeting Ads ในภายหลังได้
Performance Max ช่วยอะไรคุณได้บ้าง
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่อยู่บนช่องทางต่าง ๆ ของ Google ได้อย่างทั่วถึง
- กลุ่มเป้าหมายที่ได้มีศักยภาพ จึงทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามต้องการ
- ช่วยเพิ่มมูลค่าของ Conversion ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ต้องเสียเวลาตั้งค่าหรือสร้างแคมเปญแยกในแต่ละช่องทาง
- ประหยัดเวลาในการยิงแอดได้มาก สามารถเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้
- รู้ข้อมูลเชิงลึกและผลลัพธ์ของแต่ละแคมเปญอย่างละเอียด
- เพิ่ม Traffic หรือจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ในแต่ละเดือน
แนะนำฟีเจอร์การใช้งานบน Performance Max
รู้จักความปังของ Google Performance Max อีกสักนิด ด้วยการทำความเข้าใจฟีเจอร์การใช้งานบน Performance Max ที่จะนำพาธุรกิจของคุณบรรลุเป้าหมายทางการตลาด ผ่านการทำแคมเปญโฆษณาในปี 2024!
Campaign Objective & Goal
กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของแคมเปญให้ชัด ว่าอยากให้กลุ่มเป้าหมาย Action อะไร หรืออยากได้ผลลัพธ์อะไรบ้าง เช่น ต้องการยอดขายต่อเดือนสูงขึ้น, ต้องการให้คนลงทะเบียนผ่านแบบฟอร์มบนเว็บไซต์, ต้องการให้คนทักมาใน LINE OA หรือต้องการเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ เป็นต้น

Audience Signals
ฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อชี้แนะให้ระบบของ Performance Max รู้ว่าแคมเปญโฆษณาแต่ละตัวเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายแบบไหนมากที่สุด ซึ่งจะเป็นผลดีที่ทำให้โฆษณาของคุณถูกส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงด้วยความแม่นยำ
Asset Group & Ads Strength
การเพิ่มข้อความ รูปภาพ วิดีโอ หรือ Asset ลงไปใน Asset Group เพื่อให้ระบบนำ Asset ไปใช้ในการทำแคมเปญโฆษณาในช่องทางต่าง ๆ โดย Ads Strength จะเป็นคะแนนที่ใช้ชี้วัดว่า Asset Group ของคุณมีประสิทธิภาพที่ดีหรือไม่

Performance Max Results
ฟีเจอร์สำหรับวิเคราะห์ภาพรวมของแคมเปญโฆษณา ว่าแคมเปญโฆษณาแบบไหนมีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ได้ดีที่สุด สามารถดูแบบแยกแคมเปญได้ หรือจะดูแบบเปรียบเทียบแคมเปญก็ได้เช่นกัน
Campaign-level brand exclusions
ฟีเจอร์การยกเว้นแบรนด์ ใช้สำหรับการเข้าถึงจาก Search และ Shopping บน Performance Max
Account-level negative keywords
ยกระดับของ Negative Keywords (คีย์เวิร์ดเชิงลบ) ให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม
Page feeds
ฟีเจอร์สำหรับอัปโหลดหน้าฟีดของแต่ละ URL เมื่อคุณใช้งาน Final URL expansion ซึ่งจะช่วยให้ระบบทราบว่า URL เหล่านี้มีความสำคัญ และเมื่อปิดใช้งาน Final URL expansion แล้ว หน้าฟีดจะเพิ่ม URL ที่มีความเจาะจงมากขึ้นในแคมเปญ Performance Max

บทสรุป
สำหรับใครที่เคยยิงโฆษณา Google Ads มาอยู่แล้ว คงจะสามารถทำความเข้าใจและใช้งาน Performance Max ได้ไม่ยาก และในบทความนี้คุณก็ได้รู้แล้วว่า Performance Max คืออะไร มีฟีเจอร์อะไรที่น่าสนใจบ้าง และประโยชน์ที่คุณจะได้รับจาก Performance Max นั่นคุ้มค่าหรือไม่
ทั้งนี้ หากคุณเป็นผู้ที่เริ่มต้นยิงโฆษณาด้วยตัวเองอาจจะต้องใช้เวลาและทำความเข้าใจระยะหนึ่งก่อน ถึงจะเกิดผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง แต่ถ้าคุณค่อนข้างรีบหรืออยากกระตุ้นยอดขายแบบเร็ว ๆ สามารถใช้บริการรับทำ Google Ads จาก ADCHARIYA ได้เลย เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการยิงแอดบนทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น บริการยิง PMax, Facebook Ads, Instagram Ads, YouTube Ads หรือ TikTok Ads ก็ตาม นอกจากนี้เรายังมีบริการรับทำ SEO และการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรด้วย!

Leave a Reply