ฟรีแลนซ์คืออะไร ทำไมถึงเรียกว่าฟรีแลนซ์ พร้อมตัวอย่าง 2025

ฟรีแลนซ์คืออะไร มีกี่ประเภท ทำไมถึงเรียกว่าฟรีแลนซ์ (Freelance)

ฟรีแลนซ์คืออะไร? ฟรีแลนซ์ (Freelance) คือรูปแบบของอาชีพที่มาแรงอย่างมากในยุคดิจิทัล เน้นการทำงานคนเดียวหรือทำกับทีมเล็ก ๆ มีอิสระสูง และไม่ต้องเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศทุกวัน ซึ่งจะบอกว่าเป็นการหาเงินจากงานที่เราถนัดและชื่นชอบก็ได้ เพราะส่วนมากผู้ที่ทำงานฟรีแลนซ์จะทำในสิ่งที่ตัวเองเชี่ยวชาญนั่นเอง สมมติว่า ADCHARIYA (แอดฉริยะ) เราก็คงเป็นฟรีแลนซ์รับยิงโฆษณาออนไลน์และรับทำ SEO เพราะเราเชี่ยวชาญในด้านนี้ เพื่อให้ผู้อ่านทุกท่านที่สนใจในอาชีพนี้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า Freelance คืออะไร เราจึงได้รวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว ซึ่งรวมถึงการอธิบายว่างานนี้มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร แบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท หางานได้จากที่ไหน และถ้าจะให้เทียบระหว่างงานฟรีแลนซ์ VS งานประจำ ควรเลือกอะไรดี?

ฟรีแลนซ์คืออะไร

ฟรีแลนซ์ (Freelance) คืออาชีพอิสระที่ไม่ต้องเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิศหรือขึ้นตรงกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง โดยสามารถเลือกรับงานฟรีแลนซ์ได้ตามความถนัดหรือความชื่นชอบ เช่น นักแปลภาษา นักเขียน ช่างภาพ กราฟิกดีไซเนอร์ โปรแกรมเมอร์ ครูสอนพิเศษ ฯลฯ ส่วนขอบเขตการทำงาน ค่าจ้าง ระยะเวลาในการทำงาน หรือรายละเอียดต่าง ๆ จะขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างฟรีแลนซ์กับผู้ว่าจ้าง ซึ่งคุณจะทำอาชีพฟรีแลนซ์แบบเต็มตัวก็ได้ หรือจะทำควบคู่ไปกับงานประจำก็ได้เช่นกัน จุดเด่นของงานฟรีแลนซ์คือคุณจะทำงานเมื่อไหร่ที่ไหนก็ได้อย่างอิสระ บริหารจัดการเวลาในการทำงานเองได้เลย ยิ่งรับงานมาก ยิ่งมีรายได้มาก แต่ว่ารายรับในแต่ละเดือนก็จะไม่แน่นอนและไม่ได้มีสวัสดิการรองรับเหมือนพนักงานประจำ

ทำไมต้องเรียกว่าฟรีแลนซ์

คำว่า “ฟรีแลนซ์” มีที่มาจากคำว่า “Freelance” ในนิยายเรื่อง Ivanhoe ที่เขียนโดย Sir Walter Scott เมื่อปี 1820 ที่เล่าถึงอิศวินคนหนึ่งที่รับจ้างสู้รบให้กับผู้ว่าจ้าง ไม่ได้มีสังกัดกับขุนนางคนไหน ซึ่งคำว่า “Lance” แปลว่าหอกหรือทวนที่อัศวินใช้ในการสู้รบ ส่วน “Free” แปลว่าอิสระ เมื่อนำมารวมกัน Freelance จึงมีความหมายว่าผู้ใช้ทวนอิสระ ซึ่งตรงกับลักษณะของการทำงานอิสระ จึงถูกเรียกว่าฟรีแลนซ์ (Freelance) นั่นเอง แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่เรียกงานประเภทนี้ว่า “งานฝิ่น” โดยมักจะพบบ่อยในกรณีที่คนคนนั้นมีงานประจำอยู่แล้ว

ข้อดีของการทำงานฟรีแลนซ์

  • จัดเวลาทำงานได้ตามใจชอบ ทำงานเช้า สาย บ่าย หรือกลางคืนก็ได้
  • ทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะบ้าน ร้านกาแฟ หรือต่างจังหวัด
  • เลือกรับงานที่ชอบและถนัดได้ ไม่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ถูกใจ
  • มีโอกาสรายได้ดีถ้ามีทักษะที่ตลาดต้องการ รับงานได้หลายที่พร้อมกัน
  • ไม่มีเจ้านายมาคอยสั่ง ไม่ต้องยุ่งกับการเมืองในที่ทำงาน
  • มีเวลาให้ตัวเอง ครอบครัว และงานอดิเรกมากขึ้น
  • ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากงานที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์

ข้อเสียของการทำงานฟรีแลนซ์

  • รายได้ขึ้น ๆ ลง ๆ บางเดือนอาจมีงานเยอะ บางเดือนไม่มีเลย
  • ขาดสวัสดิการ ไม่มีประกันสุขภาพ ประกันสังคม หรือวันลาที่ได้เงิน
  • ต้องจัดการเรื่องภาษีเอง ทั้งหัก ณ ที่จ่าย และภาษีประจำปี
  • เสี่ยงเจอลูกค้าปัญหา จ่ายช้า ขอแก้งานไม่จบ หรือเบี้ยวจ่าย
  • ต้องหางานใหม่ตลอด ทำการตลาดตัวเองอย่างต่อเนื่อง
  • ทำงานคนเดียว อาจเหงา ไม่มีเพื่อนร่วมงานให้ปรึกษาหรือพูดคุย
  • ต้องมีวินัยสูง ไม่มีใครมาควบคุม ถ้าขี้เกียจจะไม่มีงานและรายได้

ฟรีแลนซ์มีกี่ประเภท

อาชีพฟรีแลนซ์เติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดงาน ย้อนกลับไปที่ประเทศสหรัฐฯ ในปี 2015 พบว่ามีคนทำงานฟรีแลนซ์ถึง 54 ล้านคน หรือคิดเป็น 34% ของประชากร และสามารถแบ่งประเภทของฟรีแลนซ์ออกได้เป็น 5 รูปแบบตามวิธีการทำงาน (อ้างอิงจากผลสำรวจของ Edelman Berland ผู้ก่อตั้งบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ที่มีชื่อว่า Freelancing in America : 2015)

1. Independent Contractors

Independent Contractors เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากที่สุดในวงการฟรีแลนซ์ โดยจะรับงานเป็นโปรเจกต์ ทำงานเสร็จก็ส่งมอบและรับเงิน อาจคิดราคาตามชิ้นงานหรือตามชั่วโมง ซึ่งมักจะทำงานที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะด้าน เช่น นักแปลภาษา นักออกแบบกราฟิก ช่างภาพ พวกเขาทำงานอิสระและไม่ต้องพึ่งพาทีมมาก 

2. Moonlighters

Moonlighters เป็นฟรีแลนซ์ที่มีงานประจำอยู่แล้ว แต่ต้องการหารายได้เสริมด้วยการทำฟรีแลนซ์นอกเวลางาน พวกเขาทำงานช่วงเย็น วันหยุด หรือวันเสาร์อาทิตย์ บางคนทำงานที่เกี่ยวกับอาชีพหลัก บางคนทำงานที่ชอบแต่ไม่ได้ทำเป็นอาชีพหลัก ข้อดีคือมีรายได้แน่นอนจากงานประจำ แถมมีเงินเพิ่มจากงานเสริม แต่ต้องแบ่งเวลาให้ดี

3. Diversified Workers

Diversified Workers เป็นกลุ่มที่หารายได้หลายทาง ทำงานหลายอย่างในแต่ละวัน เช่น เช้าขายของออนไลน์ บ่ายรับเขียนคอนเทนต์ เย็นสอนพิเศษหรือขับรถรับจ้าง พวกเขามีทักษะหลายด้านและรับงานหลากหลาย เหมาะกับคนที่ต้องการจ้างงานเล็ก ๆ ราคาไม่แพงและได้งานเร็ว คนทำงานแบบนี้ต้องมีวินัยสูงและบริหารเวลาเก่ง ไม่งั้นงานจะทับซ้อนกัน

4. Temporary Workers

Temporary Workers กลุ่มนี้จะทำงานคล้ายพนักงานประจำ แต่เป็นแค่ช่วงสั้น ๆ 3-4 เดือน (Contract) พวกเขาทำงานให้ลูกค้าเพียงรายเดียวในช่วงเวลานั้น มักเป็นงานที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทาง เช่น นักตัดต่อวิดีโอ นักวิเคราะห์ข้อมูล การทำงานแบบนี้เหมาะกับคนที่อยากลองงานก่อนเลือกอาชีพ หรือคนที่ต้องการความมั่นคงชั่วคราวแต่ยังอยากมีอิสระในการทำงาน

5. Freelance Business Owner

Freelance Business Owner เป็นคนกลุ่มที่ทำงานฟรีแลนซ์และจ้างฟรีแลนซ์คนอื่นมาช่วย เปรียบเสมือนเป็นนายหน้าหรือเอเจนซี่ขนาดเล็ก พวกเขารับงานใหญ่ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญหลายด้าน แล้วจ้างทีมมาช่วยทำ เช่น รับทำแคมเปญการตลาดออนไลน์ครบวงจร บริษัทชอบจ้างฟรีแลนซ์แบบนี้เพราะช่วยประสานงานระหว่างฝ่ายต่าง ๆ ให้ ทำให้งานเสร็จเร็วและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ตัวอย่างงานฟรีแลนซ์สาย Marketing

  1. Digital Marketing Specialist นักวางแผนและดูแลการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบให้แบรนด์
  2. Social Media Content Creator นักผลิตเนื้อหาที่น่าสนใจสำหรับโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย
  3. SEO Specialist ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO หรือปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงบน Google
  4. SEO Content Writer นักเขียนบทความ SEO เพื่อให้บทความนั้นติดอันดับบน Google
  5. Website Developer นักสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ตามความต้องการของลูกค้า
  6. Copywriter นักเขียนข้อความโฆษณา เพื่อโน้มน้าวใจและกระตุ้นให้คนซื้อสินค้า
  7. Translator นักแปลภาษา หรือแปลเนื้อหาจากภาษาหนึ่งไปอีกภาษาหนึ่ง
  8. Ads Optimizer นักยิงแอดหรือนักปรับแต่งโฆษณาออนไลน์ให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด
  9. Media Planner นักวางแผนการใช้สื่อต่าง ๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดีที่สุด
  10. Graphic Designer นักออกแบบงานกราฟิกต่าง ๆ ตั้งแต่โลโก้ไปจนถึงโพสต์โซเชียล
  11. Video Editor นักตัดต่อวิดีโอให้น่าสนใจและตรงใจตามที่ผู้ว่าจ้างต้องการ
  12. Analytics Specialist นักวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด
  13. Influencer / KOL Specialist ผู้ดูแล ประสานงาน และจัดหาอินฟลูเอนเซอร์/KOL
  14. Social Media Admin แอดมินดูแลเพจ โพสต์คอนเทนต์ และตอบแชตลูกค้า
  15. E-Commerce Specialist ผู้จัดการร้านค้าออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop

ทำงานฟรีแลนซ์ VS งานประจำ แบบไหนดีกว่ากัน

งานฟรีแลนซ์และงานประจำแตกต่างกันชัดเจนในเรื่องความยืดหยุ่นและความมั่นคง ฟรีแลนซ์ให้อิสระในการเลือกงาน กำหนดเวลาและสถานที่ทำงานเอง แต่มีรายได้ไม่แน่นอนและขาดสวัสดิการ ส่วนงานประจำมีรายได้สม่ำเสมอ มีสวัสดิการครบถ้วน แต่ต้องทำงานตามกฎระเบียบและเวลาที่กำหนด

ดังนั้น งานฟรีแลนซ์จึงเหมาะกับคนที่รักอิสระ มีวินัยในตัวเอง ชอบความท้าทายและความหลากหลาย รวมถึงสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนได้ดี ส่วนงานประจำเหมาะกับคนที่ต้องการความมั่นคงทางการเงิน ชอบทำงานเป็นทีม ต้องการเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน และให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว การเลือกขึ้นอยู่กับค่านิยม เป้าหมายชีวิต และสถานการณ์ส่วนตัวของแต่ละคน

สรุป

ต้องบอกว่าฟรีแลนซ์คืออาชีพอิสระที่เปิดกว้างมาก เหมาะสำหรับทุกสายงานเลย ซึ่งการหางานฟรีแลนซ์ในปัจจุบันนั้นง่ายกว่าที่คิด นอกจากการโพสต์ประกาศหางานฟรีแลนซ์ตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่ม Facebook แล้ว คุณก็สามารถเข้าไปติดตามข่าวสารการอัปเดตงานของผู้ว่าจ้างในเว็บไซต์หางานฟรีแลนซ์โดยตรง หรือกลุ่มเฟซบุ๊กที่เกี่ยวกับสายงานหรือที่ระบุว่าฟรีแลนซ์ได้ทุกวัน ทั้งนี้ หากคุณอยากจะทำงานฟรีแลนซ์เพื่อหารายได้เพิ่ม แต่ก็ไม่ได้อยากลาออกจากงานประจำ การทำทั้งสองอาชีพนี้ควบคู่กันไปก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน และจะเหมาะกับคนที่สามารถจัดการเวลาได้ดีเป็นพิเศษ