คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมบางเว็บไซต์ถึงติดอันดับต้นๆ บน Google ได้อย่างต่อเนื่อง? หรือทำไมเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดีๆ แต่กลับหาไม่เจอบน Google? คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่คุณภาพของเนื้อหาเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่พื้นฐานสำคัญอย่าง Technical SEO ที่หลายคนมองข้าม
ลองนึกภาพว่าเว็บไซต์ของคุณเป็นเหมือนร้านค้าที่สวยงาม มีสินค้าดี แต่ถ้าทางเข้าร้านไม่ชัดเจน การจัดวางสินค้าไม่เป็นระเบียบ หรือร้านเปิดช้ากว่าที่ควร ลูกค้าก็อาจจะเดินผ่านไปร้านอื่นที่ให้ประสบการณ์ที่ดีกว่า นี่คือสิ่งที่ Technical SEO จะช่วยแก้ไข
ADCHARIYA เอเจนซี่การตลาดออนไลน์ เข้าใจปัญหานี้ดี และพร้อมแชร์เทคนิคจากบริการรับทำ SEO Technical Audit ของเราที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมติดอันดับบน Google อย่างที่คุณต้องการ
Technical SEO คืออะไร?
Technical SEO คือการปรับแต่งโครงสร้างและองค์ประกอบทางเทคนิคของเว็บไซต์ เพื่อให้ Search Engine อย่าง Google สามารถเข้าถึง เข้าใจ และจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั้งด้านความเร็ว ความปลอดภัย โครงสร้างเว็บไซต์ และการรองรับการใช้งานบนอุปกรณ์ต่างๆ
Technical SEO สำคัญต่อเว็บไซต์อย่างไร?
การทำ Technical SEO ที่ดีส่งผลต่อเว็บไซต์ในหลายด้าน
- เพิ่มโอกาสการติดอันดับ – เว็บไซต์ที่มีโครงสร้างทางเทคนิคที่ดีจะถูก Google เข้าใจและจัดอันดับได้ง่ายกว่า
- ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ – เว็บไซต์ที่โหลดเร็ว ใช้งานง่าย และปลอดภัยจะสร้างความประทับใจให้ผู้ใช้
- เพิ่มอัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้า – เมื่อผู้ใช้มีประสบการณ์ที่ดี โอกาสในการเปลี่ยนเป็นลูกค้าก็สูงขึ้น
ก่อนทำ Technical SEO คุณต้องรู้จักอะไรบ้าง?

การทำ Technical SEO ให้มีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องเข้าใจกระบวนการทำงานหลักของ Google 3 ส่วน ได้แก่ การสำรวจ (Crawling), การจัดเก็บข้อมูล (Indexing) และการแสดงผล (Serving) เพราะแต่ละส่วนมีผลโดยตรงต่อการติดอันดับของเว็บไซต์คุณ มาทำความรู้จักแต่ละส่วนให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
1. การสำรวจเว็บไซต์ของ Google Bot (Crawling)
Google Bot ทำหน้าที่เหมือนนักสำรวจที่จะเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ โดยความถี่ในการเข้าสำรวจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ 3 ประการ
ความเร็วในการตอบสนอง
- เว็บไซต์ที่โหลดเร็วจะได้รับการสำรวจบ่อยขึ้น
- Core Web Vitals เป็นตัวชี้วัดสำคัญ
- Server Response Time ต้องต่ำกว่า 200ms
คุณภาพเนื้อหาโดยรวม
- เนื้อหาต้องมีคุณภาพทั้งเว็บไซต์
- อัปเดตเนื้อหาสม่ำเสมอ
- ไม่มีเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน
ข้อผิดพลาดของเซิร์ฟเวอร์
- หลีกเลี่ยง HTTP Error Codes
- ตรวจสอบและแก้ไข Server Errors
- มอนิเตอร์ Server Performance
2. การจัดเก็บข้อมูลเว็บไซต์ (Indexing)
หลังจาก Google Bot สำรวจเว็บไซต์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจัดเก็บข้อมูล หรือ Indexing ซึ่งเปรียบเสมือนการจัดเก็บหนังสือเข้าห้องสมุดขนาดใหญ่ โดย Google จะวิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลตามปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
การทำความเข้าใจเนื้อหา
- วิเคราะห์ HTML Attributes
- ตรวจสอบลิงก์ทั้งภายในและภายนอก
- ประมวลผลรูปภาพและ Alt Tags
ความสำคัญของ Canonical Tags
- ใช้ rel=”canonical” เพื่อระบุหน้าหลัก
- จัดการเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน
- เพิ่มประสิทธิภาพการ Index
Index Selection
การที่ Google จะเลือกเก็บหน้าเว็บไซต์ของคุณไว้ในฐานข้อมูลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย
- คุณภาพของเนื้อหาต้องได้มาตรฐาน
- ตรวจสอบสถานะได้ด้วยคำสั่ง site: ในการค้นหา
- หากพบปัญหา Not Indexed ต้องรีบแก้ไข
3. การแสดงผลการค้นหา (Serving)
เมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูล Google จะประมวลผลและแสดงผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด โดยมีกระบวนการดังนี้
การตีความคำค้นหา
- Google จะให้ความสำคัญกับ Keywords หลัก
- ไม่นำ Stop Words (เช่น “ที่”, “และ”, “the”, “a”) มาพิจารณา
- ปรับผลการค้นหาตามพฤติกรรมและบริบทของผู้ใช้
5 เทคนิคการทำ Technical SEO ให้ได้ผล (ฉบับละเอียด)
หลังจากที่เราเข้าใจพื้นฐานของ Technical SEO แล้ว มาดูเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณแข็งแกร่งและพร้อมแข่งขันบน Google จากประสบการณ์ของเรา พบว่าการทำ SEO Technical ให้ได้ผลต้องให้ความสำคัญกับ 5 องค์ประกอบหลัก ได้แก่ ความเร็ว โครงสร้าง การรองรับมือถือ URL และความปลอดภัย มาดูรายละเอียดแต่ละส่วนกัน
1. ปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์
เว็บไซต์ที่โหลดช้าคือจุดจบของ SEO จากสถิติพบว่า 53% ของผู้ใช้จะปิดเว็บทันทีหากโหลดนานเกิน 3 วินาที นี่คือสาเหตุที่ Google ให้ความสำคัญกับความเร็วเว็บไซต์เป็นอันดับต้นๆ วิธีการปรับปรุงมีดังนี้
- บีบอัดรูปภาพและไฟล์ต่างๆ ให้มีขนาดเล็กลง
- ใช้ระบบ Cache เพื่อจัดเก็บข้อมูลชั่วคราว
- ลดการใช้ JavaScript และ CSS ที่ไม่จำเป็น
- ใช้บริการ CDN เพื่อกระจายการโหลดข้อมูล
2. ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์
โครงสร้างเว็บไซต์ที่ดีเปรียบเสมือนแผนที่ที่ช่วยให้ทั้งผู้ใช้และ Google เข้าใจและเข้าถึงเนื้อหาของคุณได้ง่าย การจัดการโครงสร้างที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ดังนี้
- จัดระเบียบเมนูและหมวดหมู่ให้เป็นลำดับชั้น
- สร้าง XML Sitemap
- ตรวจสอบและแก้ไขลิงก์เสีย
- ทำ Internal Linking อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ทำให้เว็บไซต์รองรับมือถือ
ในยุคที่ผู้ใช้กว่า 60% เข้าเว็บผ่านมือถือ การทำเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนมือถือจึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็น นอกจากนี้ Google ยังใช้ Mobile-First Indexing ในการจัดอันดับเว็บไซต์อีกด้วย สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญมีดังนี้
- ใช้ Responsive Design เพื่อให้เว็บปรับขนาดตามหน้าจออัตโนมัติ
- ตรวจสอบการแสดงผลบนหน้าจอขนาดต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
- ปรับขนาดปุ่มและฟอนต์ให้เหมาะสม ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป
- ทดสอบความเร็วบนมือถือด้วย Google’s Mobile Speed Test
4. จัดการ URL Structure
URL ที่ดีไม่เพียงช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจเนื้อหาก่อนคลิก แต่ยังช่วยให้ Google เข้าใจความสัมพันธ์ของหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์ของคุณ การจัดการ URL ที่มีประสิทธิภาพควรทำดังนี้
- ใช้ URL ที่สั้น กระชับ และสื่อความหมายชัดเจน
- ใส่คีย์เวิร์ดใน URL อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ยัดเยียด
- หลีกเลี่ยง URL ที่ซ้ำซ้อนเพื่อป้องกันปัญหา Duplicate Content
- ตั้งค่า Canonical URL เพื่อบอก Google ว่าหน้าไหนคือเวอร์ชันหลัก
5. ติดตั้งและปรับแต่ง SSL Certificate
ความปลอดภัยของเว็บไซต์เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ Google ใช้จัดอันดับ และยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ใช้ การติดตั้ง SSL Certificate ที่ถูกต้องต้องดำเนินการดังนี้
- เปลี่ยนจาก HTTP เป็น HTTPS ทั้งเว็บไซต์
- ตรวจสอบการทำงานของ SSL อย่างสม่ำเสมอ
- แก้ไขปัญหา Mixed Content ที่อาจทำให้เบราว์เซอร์แสดงเตือนความไม่ปลอดภัย
- ตั้งค่า Redirect จาก HTTP ไป HTTPS อย่างถูกต้อง
เทคนิคทั้ง 5 ข้อนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการทำ Technical SEO ที่มีประสิทธิภาพ แต่การนำไปใช้ต้องปรับให้เหมาะกับลักษณะและความต้องการของเว็บไซต์แต่ละประเภท ที่สำคัญคือต้องมีการตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพราะ Google มีการอัปเดตอัลกอริธึมอยู่เสมอ
บทสรุป
Technical SEO เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในการทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ การลงทุนเวลาและทรัพยากรในการทำ Technical SEO อย่างถูกต้องจะช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับเว็บไซต์ของคุณ ส่งผลให้มีโอกาสติดอันดับบน Google ได้ดียิ่งขึ้น
ADCHARIYA พร้อมช่วยคุณในทุกขั้นตอนของการทำ Technical SEO ตั้งแต่การวิเคราะห์ วางแผน ไปจนถึงการดำเนินการและติดตามผล ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ เราพร้อมช่วยให้เว็บไซต์ของคุณแข็งแกร่งและพร้อมแข่งขันในตลาดออนไลน์

Leave a Reply