Website Traffic

Website Traffic คืออะไร ความสำคัญ วิธีเพิ่ม ครบจบที่เดียว

Website Traffic คือปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เจ้าของธุรกิจต่างคาดหวัง หลังจากที่ตัดสินใจลงทุนเปิดเว็บไซต์ขึ้นมา เพราะเว็บไซต์เปรียบเสมือนหน้าร้านของธุรกิจที่อยู่บนโลกออนไลน์ ถ้ามีปริมาณผู้เข้าชมมาก โอกาสที่จะปิดการขายได้ก็ยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น เรียกว่า Website Traffic เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการทำเว็บไซต์ธุรกิจก็ว่าได้ ADCHARIYA จะพาคุณไปเจาะลึกและทำความเข้าใจว่า Website Traffic คืออะไร, Website Traffic มีกี่ประเภท, ปัจจัยที่ใช้ในการวัดผล Website Traffic มีอะไรบ้าง, ความสำคัญของ Website Traffic, สาเหตุที่ทำให้ Traffic ตกมาจากอะไร พร้อมแนะนำวิธีเพิ่ม Website Traffic ที่เห็นผลจริง บอกเลยว่าครบครันเรื่อง Website Traffic ในบทความเดียว ใช้เวลาอ่านแค่ 5 นาทีรู้เรื่องเลย

Website Traffic คืออะไร

Website Traffic คือตัวชี้วัดจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจของผู้ชมมากน้อยแค่ไหน ถ้าเว็บไซต์มี Traffic เยอะ โอกาสในการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้กลายเป็นลูกค้าก็ยิ่งสูงขึ้น นอกจาก Website Traffic จะช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้และประสิทธิภาพของเว็บไซต์ได้อย่างชัดเจนแล้ว ยังส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์บน Google SERPs ด้วย

สามารถวัดได้จากทั้งเชิงปริมาณอย่างจำนวนผู้เข้าชม (Users) จำนวนการเยี่ยมชม (Sessions) และจำนวนการเปิดหน้าเว็บ (Pageviews) และเชิงคุณภาพ อย่างระยะเวลาที่ผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์ และอัตราการออกจากเว็บไซต์ทันที (Bounce Rate) สามารถวัดผลและติดตาม Website Traffic ได้จากเครื่องมือ Google Analytics 4 ที่ไม่เพียงแต่แสดงตัวเลขของปริมาณผู้เข้าชมเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแหล่งที่มาของ Traffic ด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในการนำไปวางแผนกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น

Website Traffic มีกี่ประเภท

ประเภทของ Website Traffic จากแบ่งตามแหล่งที่มา ซึ่งการรู้จักแหล่งที่มาของผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็นเรื่องที่สำคัญ สำหรับการพัฒนากลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพ จัดสรรงบประมาณได้คุ้มค่า และเลือกลงทุนกับช่องทางที่สร้างผลตอบแทนสูงสุดได้อย่างแม่นยำ โดย Website Traffic สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้

1. Organic Traffic

Organic Traffic เป็น Traffic ที่ได้มาแบบธรรมชาติ (ไม่ต้องเสียค่ายิงโฆษณา) ผ่านการที่เว็บไซต์มีการทำ SEO ควบคู่กันไปด้วย Organic Traffic จะเกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้งานค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ด้วยคีย์เวิร์ดบนเครื่องมือค้นหา ( Search Engine) อย่าง Google จากนั้นก็จะเจอกับเว็บไซต์ของเราและกดคลิกเข้ามานั่นเอง โดย Organic Traffic ก็จัดเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดผลลัพธ์ของการทำ SEO ด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะต้องใช้ระยะเวลาและความอดทนมากกว่า Traffic ประเภทอื่น แต่ก็คุ้มค่าและให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนกว่า Traffic ประเภทอื่นในระยะยาว

2. Paid Traffic

Paid Traffic คือปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่เกิดจากการยิงโฆษณาออนไลน์ อาทิ Google Ads หรือโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ข้อดีคือสามารถสร้าง Traffic ได้อย่างรวดเร็วและเจาะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำ เหมาะสำหรับแคมเปญระยะสั้นหรือต้องการผลลัพธ์ทันที อย่างไรก็ตาม ต้องมีการวางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบ เพราะเมื่อหยุดจ่ายค่าโฆษณา ปริมาณ Traffic อาจลดลงทันทีทันใด

3. Social Media Traffic

Social Media Traffic คือปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, Twitter (X) หรือ LinkedIn การสร้าง Traffic จากช่องทางนี้ต้องอาศัยการผลิตคอนเทนต์ที่น่าสนใจและกระตุ้นให้เกิดการแชร์ต่อ สิ่งสำคัญคือความเข้าใจในพฤติกรรมผู้ใช้แต่ละแพลตฟอร์มและความสามารถในการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) กับกลุ่มเป้าหมาย

4. Referral Traffic

Referral Traffic เกิดจากการที่เว็บไซต์อื่นส่งลิงก์มายังเว็บไซต์ของคุณ อาจเป็นการอ้างอิงเนื้อหา การรีวิว หรือการทำ Backlink นอกจากจะช่วยเพิ่มยอดเข้าชมแล้ว ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO ด้วย โดยเฉพาะเมื่อได้ Referral Traffic จากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือสูง คุณภาพของ Traffic ประเภทนี้มักดีเพราะผู้เข้าชมมีความสนใจในเนื้อหาของคุณอยู่แล้ว

5. Direct Traffic

Direct Traffic เป็นการเข้าชมเว็บไซต์โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ URL ในเบราว์เซอร์ การคลิกจาก Bookmark หรือการเปิดลิงก์จากอีเมล ยอด Direct Traffic สูง ๆ แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์และแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว เพราะผู้ใช้จดจำเว็บไซต์ของคุณได้และตั้งใจเข้ามาโดยตรง แม้จะไม่ได้มาจากการค้นหาหรือการโฆษณาใด ๆ

Website Traffic วัดผลจากอะไร

  • Users (จำนวนคนที่เข้าชมเว็บไซต์)
  • Sessions (จำนวนครั้งที่ผู้ใช้เข้าชมและมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์)
  • Pageviews (จำนวนครั้งที่หน้าเว็บถูกโหลดหรือรีเฟรช)
  • Average Session Duration (ระยะเวลาเฉลี่ยต่อการเข้าชม)
  • CTR หรือ Click Through Rate (อัตราการคลิกเทียบกับจำนวนการแสดงผล)
  • Conversion Rate (อัตราการเปลี่ยนผู้เข้าชมให้เป็นลูกค้า)
  • Engagement Rate (วัดการมีส่วนร่วมของผู้ใช้บนเว็บไซต์)

ความสำคัญของ Website Traffic คืออะไร

  • เพิ่มยอดขายและรายได้ให้ธุรกิจ ยิ่งมีคนเข้าเว็บไซต์มาก โอกาสที่จะมีคนซื้อสินค้าหรือใช้บริการก็มากขึ้นตามไปด้วย แถมถ้าเว็บไซต์มีคนเข้าชมเยอะ คุณยังสามารถหารายได้เพิ่มจากการขายพื้นที่โฆษณาได้อีกทางหนึ่งด้วย
  • ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือ เว็บไซต์ที่มีคนเข้าชมเยอะแสดงว่าเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อคนต้องการสินค้าหรือบริการในกลุ่มเดียวกัน พวกเขาก็มักจะนึกถึงแบรนด์ของคุณก่อน ยิ่งมีคนเข้าชมมาก ก็ยิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้น
  • ได้ข้อมูลมาพัฒนาการตลาด การดูว่าใครเข้ามาในเว็บไซต์บ้าง เข้ามาดูอะไร อยู่นานแค่ไหน ช่วยให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดีขึ้น ข้อมูลพวกนี้มีประโยชน์มากในการปรับปรุงเนื้อหาและวางแผนการตลาดให้ตรงใจลูกค้ากว่าเดิม
  • ช่วยให้ติดอันดับบน Google ได้ดีขึ้น ถ้าเว็บไซต์มีคนเข้าชมเยอะและใช้เวลาอ่านเนื้อหานาน ๆ Google จะมองว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพและมีประโยชน์กับผู้ใช้ ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาได้ง่ายขึ้น
  • สร้างฐานลูกค้าประจำได้มากขึ้น เมื่อมีคนใหม่ ๆ เข้ามาเว็บไซต์เยอะขึ้น โอกาสที่จะได้ลูกค้าประจำก็มากขึ้นด้วย ถ้าพวกเขาประทับใจในสิ่งที่คุณนำเสนอ พวกเขาก็จะกลับมาอีก และอาจแนะนำต่อให้คนอื่น ๆ ด้วย

Website Traffic ตก มีสาเหตุมาจากอะไร

  • Google Algorithm มีการอัปเดตใหม่ ทำให้อันดับเว็บไซต์บน Google SERPs เปลี่ยนแปลง
  • Search Intent (เจตนาการค้นหา) ของผู้ใช้งานเปลี่ยน ผลการค้นหาจึงเปลี่ยนตามไปด้วย
  • URL ไม่สื่อความหมาย หรือเป็นภาษาที่อ่านยาก
  • มีปัญหาเนื้อหาซ้ำซ้อน (Duplicate Content) 
  • ปัญหาทางเทคนิค (Technical SEO) อย่างมีลิงก์เสีย, เว็บโหลดช้า หรือไม่มีความปลอดภัย
  • มีการตั้งค่า Redirect ผิดพลาด
  • คู่แข่งผลิตเนื้อหาใหม่ที่ดีกว่า ครบถ้วนกว่า และน่าสนใจกว่า ทำให้อันดับเว็บไซต์เราตก

แจกวิธีเพิ่ม Website Traffic ในปี 2025

การเพิ่ม Website Traffic ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เรารวบรวมมาให้ถึง 5 วิธีด้วยกัน คัดมาแล้วว่าช่วยเพิ่ม Website Traffic ได้จริงและมีประสิทธิภาพด้วย มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้าง

1. ยิงโฆษณา Google Ads

Google Ads คือการลงโฆษณาบน Google ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในตำแหน่งต้น ๆ บนผลการค้นหา เมื่อผู้ใช้พิมพ์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ โฆษณาจะแสดงผลทันที ช่วยเพิ่ม Traffic ได้อย่างรวดเร็วแบบตรงกลุ่มเป้าหมาย ถึงจะมีค่าใช้จ่าย แต่สามารถควบคุมงบประมาณและวัดผลได้แม่นยำ

2. ทำ SEO (Search Engine Optimization)

SEO คือการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Google แบบธรรมชาติ โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ ใส่คีย์เวิร์ดที่เหมาะสม และทำให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับ Search Engine วิธีนี้อาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล แต่สร้าง Website Traffic ที่ยั่งยืนและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

3. แชร์เนื้อหาบน Social Media

การแชร์เนื้อหาจากเว็บไซต์ไปยังโซเชียลมีเดียต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram ฯลฯ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเพิ่ม Traffic ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะถ้าคอนเทนต์น่าสนใจและตรงใจกลุ่มเป้าหมาย เมื่อมีคนแชร์ต่อ โอกาสที่จะมีคนคลิกเข้าเว็บไซต์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

4. เพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์

การทำให้เว็บไซต์โหลดเร็ว ใช้งานง่าย และแสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์เป็นสิ่งสำคัญมาก ยิ่งเว็บไซต์มีประสิทธิภาพดี ผู้ใช้ก็จะอยู่นานขึ้น กลับมาเยี่ยมชมบ่อยขึ้น และแนะนำต่อให้คนอื่น ซึ่งช่วยเพิ่ม Traffic ทั้งทางตรงและทางอ้อม

การได้รับ Backlink หรือลิงก์ที่เชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ ไม่เพียงช่วยเพิ่ม Traffic โดยตรง แต่ยังช่วยให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณค่าและน่าเชื่อถือ ส่งผลให้ติดอันดับการค้นหาได้ดีขึ้น และได้รับ Traffic เพิ่มขึ้นในระยะยาว

สรุปบทความ

Website Traffic คือตัวชี้วัดความสำเร็จของธุรกิจในโลกออนไลน์ที่ไม่ได้วัดแค่จำนวนผู้เข้าชมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของเว็บไซต์และโอกาสทางธุรกิจด้วย การเพิ่ม Traffic ที่มีคุณภาพจึงต้องอาศัยการผสมผสานหลากหลายกลยุทธ์เข้าด้วยกัน ทั้งการทำ SEO การสร้างคอนเทนต์ที่มีคุณค่า และการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ทั้งนี้ หากคุณไม่รู้จักว่าเริ่มต้นทำอย่างไรและอยากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางการตลาดออนไลน์ สามารถปรึกษา ADCHARIYA ได้เลย รับรองว่า Website Traffic ของคุณจะต้องพุ่งขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน