15 อาชีพการตลาดมีอะไรบ้างที่น่าสนใจและรายได้ดี อัปเดต 2025

รวม 15 อาชีพการตลาดมีอะไรบ้าง ใครอยากทำงานการตลาดห้ามพลาด

ธุรกิจทุกขนาดต่างแข่งขันกันเพื่อดึงดูดลูกค้าผ่านช่องทางการตลาดที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้สายอาชีพการตลาดกลายเป็นสาขาที่มีความต้องการสูงและมีตัวเลือกมากมาย หลาย ๆ คนจึงสงสัยว่าอาชีพการตลาดมีอะไรบ้าง หรือสายการตลาดและธุรกิจมีอาชีพอะไรบ้าง และอันไหนเหมาะกับตัวเราที่สุด ในฐานะที่ ADCHARIYA เป็นดิจิทัลเอเจนซี่หรือผู้ที่เชี่ยวชาญและอยู่ในวงการนี้โดยตรง เราจึงจะมาแนะนำ 15 อาชีพสายการตลาดที่น่าสนใจและมีแนวโน้มเติบโตดีในปี 2025 มาฝากกัน พร้อมคำแนะนำสำหรับ First Jobber หรือคนที่อยากเริ่มต้นทำงานสายการตลาด

15 อาชีพการตลาดมีอะไรบ้างที่น่าสนใจและรายได้ดี

1. นักพัฒนาธุรกิจ (Business Developer)

งานของ Business Developer คือหาวิธีทำให้บริษัทเติบโต โดยจะมองหาลูกค้าใหม่ พาร์ทเนอร์ใหม่ หรือโอกาสธุรกิจใหม่ ๆ ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมให้องค์กร พวกเขาต้องศึกษาตลาด เข้าใจคู่แข่ง และวางแผนกลยุทธ์ที่จะทำให้ธุรกิจขยายตัวได้

2. นักการตลาดออนไลน์ (Digital Marketing)

ทำหน้าที่ดูแลการตลาดออนไลน์ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บไซต์ หรืออีเมล พวกเขาจะสร้างเนื้อหา วางแผนแคมเปญ และดูผลตอบรับจากลูกค้า งานนี้ต้องติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะโลกออนไลน์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก

3. ผู้เชี่ยวชาญด้านโฆษณา (Ads Optimizer)

คนที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำโฆษณาออนไลน์โดยเฉพาะ พวกเขาจะดูแลโฆษณา Google Ads, Facebook Ads หรือ TikTok Ads ทดสอบว่าโฆษณาแบบไหนได้ผลดี แล้วปรับแต่งให้ได้ยอดขายมากขึ้นด้วยเงินเท่าเดิม งานนี้ต้องใช้ทักษะการวิเคราะห์ตัวเลขและความอดทนในการทดลองหาวิธีที่ดีที่สุด

4. ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO (SEO Specialist)

มีหน้าที่คือวางกลยุทธ์ SEO และดำเนินการปรับแต่งเว็บไซต์ตามหลัก SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกของ Google เมื่อคนค้นหาสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้อง การทำงานเริ่มต้นจากการค้นหา Keyword ที่คนนิยมค้นหา ปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ วางแผนการทำบทความ SEO สร้างลิงก์จากเว็บอื่นกลับมายังเว็บไซต์ (Backlink) และอื่น ๆ ซึ่งรวมไปถึงการวิเคราะห์เว็บไซต์ มองหาจุดที่ผิดพลาด และปรับปรุงแก้ไขด้วย

5. นักตัดต่อวิดีโอ (Video Editor)

เป็นผู้รับผิดชอบเอาคลิปวิดีโอดิบมาตัดต่อให้กลายเป็นผลงานที่สมบูรณ์และน่าสนใจ การทำงานรวมถึงการใส่เสียงเพลง เอฟเฟกต์ ข้อความ และปรับแต่งภาพให้สวยงาม ปัจจุบันคนดูวิดีโอกันมากขึ้น จึงทำให้ตำแหน่งนี้เป็นที่ต้องการในหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทใหญ่หรือร้านค้าออนไลน์ก็ตาม

6. นักประสานงาน (Project Coordinator)

คนที่คอยดูแลให้โปรเจกต์ต่าง ๆ ดำเนินไปตามแผนที่วางไว้ หน้าที่หลักคือประสานงานระหว่างทีมต่าง ๆ ให้ทำงานร่วมกันได้ลื่นไหล จัดการเอกสาร ตารางเวลา และติดตามความคืบหน้าของงาน เวลาเกิดปัญหาก็ต้องช่วยหาทางแก้ไขให้โปรเจกต์เสร็จตรงเวลา บางครั้งต้องเป็นคนกลางสื่อสารระหว่างลูกค้ากับทีมงานเพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน

7. นักเขียน (Content Writer)

สร้างเนื้อหาข้อความทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบทความบนเว็บไซต์ โพสต์บนโซเชียลมีเดีย หรือคำโฆษณา การเขียนแต่ละชิ้นต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายและจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน นักเขียนต้องเก่งเรื่องการค้นคว้าข้อมูล และถ่ายทอดเนื้อหาให้น่าสนใจ เข้าใจง่าย ปัจจุบันยังต้องเข้าใจเรื่อง SEO ด้วย เพื่อให้เนื้อหาที่เขียนขึ้นติดอันดับการค้นหาได้ดี

8. นักสร้างสรรค์คอนเทนต์ (Content Creator)

ส่วนใหญ่ตำแหน่งนี้จะเป็นผู้คิดและผลิตเนื้อหาครบวงจร ทั้งภาพ วิดีโอ เสียง และกราฟิก สำหรับแพลตฟอร์มต่าง ๆ งานนี้ต้องมีความคิดสร้างสรรค์สูง เพราะต้องคิดไอเดียใหม่ ๆ ให้ตรงกับเทรนด์และรสนิยมของคนดูตลอดเวลา การวางแผนคอนเทนต์และการติดตามผลตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายก็เป็นส่วนสำคัญของงานนี้เช่นกัน

9. ผู้บริหารงานลูกค้า (Account Executive)

ตัวกลางระหว่างลูกค้ากับทีมงานภายในบริษัท ต้องเข้าใจความต้องการของลูกค้าแล้วสื่อสารให้ทีมทำงานเข้าใจตรงกัน หน้าที่รวมถึงการนำเสนอข้อเสนอ ติดตามความคืบหน้าของงาน และรายงานผลให้ลูกค้าฟัง ความสำคัญของตำแหน่งนี้คือการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเพื่อให้เกิดความไว้วางใจและความร่วมมือในระยะยาว

10. ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ (Branding Specialist)

วางกลยุทธ์และออกแบบภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้โดดเด่นและจดจำง่าย การทำงานเริ่มจากการวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง เพื่อหาจุดแตกต่างที่จะทำให้แบรนด์นั้นพิเศษ ต้องร่วมมือกับทีมดีไซน์ในการสร้างโลโก้ สี และสไตล์การสื่อสารที่สอดคล้องกันทุกช่องทาง ผลสำเร็จของงานนี้จะเห็นได้จากการที่ลูกค้าจดจำและรู้สึกดีกับแบรนด์ในระยะยาว

11. นักออกแบบกราฟิก (Graphic Designer)

สร้างสรรค์ภาพและงานดีไซน์ทุกรูปแบบ ตั้งแต่โลโก้ โปสเตอร์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์สินค้า การทำงานเริ่มจากการฟังความต้องการของลูกค้า แล้วแปลงไอเดียนั้นให้กลายเป็นภาพที่สื่อความหมายได้ชัดเจน ต้องใช้โปรแกรมออกแบบอย่าง Canva Photoshop หรือ Illustrator เป็นหลัก นักออกแบบกราฟิกที่ดีจะต้องมีตาในการจับสีและองค์ประกอบ พร้อมกับเข้าใจว่าแบรนด์แต่ละตัวต้องการสื่อสารอะไร

12. นักพัฒนาเว็บไซต์ (Web Developer)

ทำหน้าที่เขียนโค้ดและสร้างเว็บไซต์ให้ทำงานได้อย่างที่ผู้ใช้ต้องการ งานหลักคือแปลงดีไซน์ให้กลายเป็นเว็บไซต์จริงที่คลิกได้ เลื่อนได้ และใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ ต้องเรียนรู้ภาษาโปรแกรมหลายตัว เช่น HTML, CSS, JavaScript และอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพราะโลกออนไลน์เปลี่ยนแปลงเร็ว หลายครั้งต้องร่วมมือกับทีมดีไซน์และทีมการตลาดเพื่อให้เว็บไซต์ออกมาสมบูรณ์แบบ

13. ผู้เชี่ยวชาญด้าน KOL (KOL Specialist)

จัดการความสัมพันธ์กับ KOL (Key Opinion Leader) เพื่อให้มาช่วยโปรโมตสินค้า หน้าที่หลักคือหา KOL ที่เหมาะกับแบรนด์ เจรจาข้อตกลง และดูแลให้แคมเปญออกมาตามที่วางแผนไว้ การทำงานต้องเข้าใจเทรนด์โซเชียลและรู้ว่า KOL คนไหนมีผู้ติดตามกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ บางครั้งต้องคิดไอเดียแคมเปญที่สร้างสรรค์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่โดดเด่น

14. นักวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analyst)

ก็บข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในตัวเลข ต้องเก่งเรื่องสถิติและโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Excel หรือ Python งานหลัก ๆ คือดูว่าข้อมูลบอกอะไรบ้าง แล้วแปลเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้ทีมตัดสินใจได้ดีขึ้น ต้องทำรายงานและสร้างกราฟที่เข้าใจง่าย เพื่อให้คนที่ไม่ใช่นักวิเคราะห์ก็สามารถเอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์ได้

15. ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย (Social Media Admin)

ดูแลเพจและแอคเคาท์โซเชียลของแบรนด์ทุกวัน งานประจำคือโพสต์เนื้อหา ตอบคอมเมนต์ และสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม ต้องจับเทรนด์ให้ได้และรู้ว่าช่วงไหนควรโพสต์อะไรถึงจะได้ยอดไลก์กับแชร์เยอะ ปัจจุบันงานนี้ซับซ้อนขึ้นเพราะแต่ละแพลตฟอร์มมีวิธีการทำงานที่ต่างกัน ต้องปรับเนื้อหาให้เข้ากับลักษณะของแต่ละช่องทาง

คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจงานด้านการตลาด

สำหรับผู้ที่อยากทำงานสายการตลาด สิ่งที่คุณต้องมีคือการอัปเดตเทรนด์ต่าง ๆ เป็นประจำ รู้ทันกระแส หรือรู้ข่าวใหม่ ๆ เกี่ยวกับสายงานที่ทำอยู่ และหมั่นฝึกฝนลงมือทำเป็นประจำ เพราะความเชี่ยวชาญของนักการตลาดมาจากการลงมือทำและประสบการณ์ล้วน ๆ ลองเริ่มต้นจากสิ่งที่คุณสนใจและศึกษาข้อมูลเบื้องต้นจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ หรือลงคอร์สเรียนการตลาดที่สอนโดยผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับคนที่เปลี่ยนสายอาชีพจากสายงานอื่นมาเป็นการตลาด สามารถทำได้และอาจจะใช้ทักษะเก่าที่เคยมีมาต่อยอดหรือทำควบคู่กันไปได้ ลองหาจุดเชื่อมโยงที่สามารถผสานกันได้อย่างลงตัว และไม่ควรลดเงินเดือนตัวเองลงมากเกินไป เพราะประสบการณ์การทำงานที่คุณสั่งสมมานั่นมีค่ามาก คุณจะเข้าใจและปรับตัวกับอาชีพใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น

ส่วนน้อง ๆ ที่จบใหม่หรือเหล่า First Jobber อาจจะเริ่มต้นจากการฝึกงานในแผนกการตลาดหรือเอเจนซี่ด้านการตลาดออนไลน์ก่อน เพื่อทำความเข้าใจและฝึกทักษะทางด้านการตลาด อาทิ SEO, โฆษณา, ครีเอทีฟ, งานเขียน ฯลฯ ซึ่งในช่วงนี้คุณจะได้รู้ว่าคุณชอบงานการตลาดจริงหรือไม่ และอยากทำส่วนไหนของสายอาชีพนี้ และอีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจคือ Management Trainee ที่หลาย ๆ บริษัทกำลังเปิดรับอยู่ อย่างที่ ANGA Bangkok ก็มีโครงการนี้เช่นกัน ในชื่อว่า AMC (ANGA Management Candidates) เหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่อยากทำงานสายการตลาดออนไลน์ อยากเติบโตไปเป็นผู้นำทีมหรือผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจเอเจนซี่ หากสนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> เปิดรับสมัคร AMC Gen 2 ประจำปี 2025

สรุป

สายงานด้านการตลาดออนไลน์ไม่มีทางหายไปง่าย ๆ เพราะในยุคนี้ ทุกธุรกิจต่างต้องอาศัยกลยุทธ์ทางการตลาดในการหาลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจ แพลตฟอร์มและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกได้ว่ามีการเติบโตอย่างมาก และในบทความนี้คุณก็ได้ทราบแล้วว่าอาชีพการตลาดมีอะไรบ้าง เห็นได้ว่ามีแบ่งออกไปหลายสายเลยทีเดียว คุณจะไม่รู้ว่าตัวเองชอบหรือเหมาะกับตำแหน่งไหน จนกว่าคุณจะได้ทำความเข้าใจและลองจับงานนั้นดูจริง ๆ เลิกกล้า ๆ กลัว ๆ และลงมือเริ่มต้นเดินทางสายอาชีพการตลาดได้เลย!