ธุรกิจในปัจจุบันมองหาช่องทางการทำตลาดที่วัดผลได้และคุ้มค่ากับการลงทุน Google Ads จึงเป็นเครื่องมือที่ผู้บริหารและทีม Marketing เลือกใช้เพื่อสร้าง ROI ให้ธุรกิจ จากข้อมูลของ WordStream พบว่าธุรกิจที่ใช้ Google Ads อย่างมีกลยุทธ์สามารถสร้าง Return on Investment ได้สูงถึง 200% ซึ่งนั่นหมายถึงทุก 1 บาทที่ลงทุนไป สามารถสร้างรายได้กลับมาถึง 2 บาท
ดังนั้นการทำ Google Ads ให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่แค่การนำงบประมาณไปลงโฆษณาเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบและกลยุทธ์ที่แม่นยำ ADCHARIYA เอเจนซี่การตลาดออนไลน์พร้อมแบ่งปันเทคนิคการทำ Google Ads จากประสบการณ์จริงที่เราได้ดูแลลูกค้ามากกว่า 200 แบรนด์ เพื่อให้คุณสามารถสร้าง Campaign ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับการลงทุน
- พื้นฐานสำคัญก่อนเริ่มทำ Google Ads Campaign
- การเตรียมข้อมูลและเป้าหมายทางธุรกิจ
- การวิเคราะห์คู่แข่งและตลาดเป้าหมาย
- การวางแผนงบประมาณและ KPI ที่เหมาะสม
- กลยุทธ์การสร้าง Campaign Structure ที่มีประสิทธิภาพ
- เทคนิคการจัดกลุ่ม Campaign ตาม Customer Journey
- การแบ่ง Ad Groups อย่างมีประสิทธิภาพ
- การเลือกประเภท Campaign ให้เหมาะกับเป้าหมาย
- เทคนิคการทำ Keyword Research สำหรับ Google Ads
- วิธีค้นหา High-Intent Keywords ที่ตรงเป้าหมาย
- การใช้ Negative Keywords อย่างชาญฉลาด
- เทคนิคการวิเคราะห์ Search Terms Report
- สรุปบทความ
พื้นฐานสำคัญก่อนเริ่มทำ Google Ads Campaign
จากการรับทําโฆษณา Google Ads Campaign ที่ประสบความสำเร็จ ต้องเริ่มจากรากฐานที่แข็งแรง เปรียบเสมือนการสร้างบ้านที่ต้องมีโครงสร้างที่มั่นคง การเตรียมความพร้อมในทุกด้านจะช่วยให้การดำเนินแคมเปญเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ มาดูกันว่ามีองค์ประกอบสำคัญอะไรบ้าง
การเตรียมข้อมูลและเป้าหมายทางธุรกิจ
ก่อนเริ่มทำ Google Ads สิ่งแรกที่ต้องกำหนดให้ชัดเจนคือเป้าหมายทางธุรกิจ โดยต้องตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้
- เป้าหมายหลักของแคมเปญคืออะไร เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย สร้าง Brand Awareness หรือเพิ่มจำนวน Lead
- กลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการคือใคร มีพฤติกรรมการค้นหาข้อมูลอย่างไร
- Value Proposition ที่แตกต่างจากคู่แข่งคืออะไร
- Customer Pain Points ที่สินค้าหรือบริการสามารถแก้ไขได้มีอะไรบ้าง
การมีข้อมูลเหล่านี้จะช่วยในการสร้าง Ad Copy ที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายและเลือก Keywords ที่เหมาะสมได้
การวิเคราะห์คู่แข่งและตลาดเป้าหมาย
การวิเคราะห์คู่แข่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจสภาพตลาดและวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ ประเด็นที่ควรวิเคราะห์มี ดังนี้
- ศึกษา Ad Copy และ Landing Page ของคู่แข่ง เพื่อหาจุดที่เราสามารถทำได้ดีกว่า
- วิเคราะห์ Keywords ที่คู่แข่งใช้ผ่านเครื่องมือ Semrush หรือ Ahrefs
- สำรวจโปรโมชันและข้อเสนอของคู่แข่งในตลาด
- ประเมิน Market Share และโอกาสในการเติบโตของตลาด
การวางแผนงบประมาณและ KPI ที่เหมาะสม
การกำหนดงบประมาณและ KPI ต้องสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ โดยพิจารณาจาก
- คำนวณ Customer Lifetime Value (CLV) เพื่อกำหนดต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้าที่เหมาะสม
- ตั้งเป้าหมาย Cost Per Acquisition (CPA) ที่ธุรกิจรับได้
- กำหนด Return on Ad Spend (ROAS) ที่ต้องการ
- วางแผนการกระจายงบประมาณตาม Campaign Priority
กลยุทธ์การสร้าง Campaign Structure ที่มีประสิทธิภาพ
โครงสร้างของ Campaign เปรียบเสมือนพิมพ์เขียวที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของการทำ Google Ads การจัดวาง Campaign Structure ที่ดีไม่เพียงช่วยให้การบริหารจัดการง่ายขึ้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของแคมเปญและการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า
เทคนิคการจัดกลุ่ม Campaign ตาม Customer Journey
การแบ่ง Campaign ตาม Customer Journey ช่วยให้เราสามารถส่งข้อความที่เหมาะสมกับผู้ใช้ในแต่ละขั้นตอนของการตัดสินใจซื้อ โดยแบ่งเป็น
- Awareness Campaign: เน้นการสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่าน Keywords ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาหรือความต้องการทั่วไปของกลุ่มเป้าหมาย
- Consideration Campaign: มุ่งเน้น Keywords ที่แสดงความสนใจในการเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการ เช่น “เปรียบเทียบ”, “รีวิว”, “ข้อดีข้อเสีย”
- Decision Campaign: ใช้ Keywords ที่แสดงความตั้งใจซื้อสูง เช่น “ราคา”, “โปรโมชัน”, “สั่งซื้อ”
- Retention Campaign: เน้นการรักษาฐานลูกค้าเดิมด้วย Keywords เกี่ยวกับบริการหลังการขายหรือการต่ออายุบริการ
การแบ่ง Ad Groups อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดกลุ่ม Ad Groups ที่ดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ Quality Score และลด Cost Per Click มีหลักการดังนี้
- จัดกลุ่ม Keywords ที่มีความเกี่ยวข้องกันสูงไว้ด้วยกัน ไม่ควรเกิน 15-20 Keywords ต่อหนึ่ง Ad Group
- สร้าง Ad Copy ที่สอดคล้องกับ Keywords ในแต่ละกลุ่ม เพื่อเพิ่ม Relevancy Score
- แยก Brand Terms และ Non-Brand Terms ออกจากกัน เพื่อการบริหารงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ
- ใช้หลัก Single Keyword Ad Groups (SKAGs) สำหรับ Keywords ที่มี Performance ดีเด่น
การเลือกประเภท Campaign ให้เหมาะกับเป้าหมาย
Google Ads มี Campaign Types หลากหลายที่เหมาะกับเป้าหมายทางธุรกิจที่แตกต่างกัน:
Search Campaign
- เหมาะสำหรับการเข้าถึงผู้ใช้ที่มี High Purchase Intent
- ควรใช้เมื่อต้องการ Direct Response และ Lead Generation
- เน้นการใช้ Keywords ที่เฉพาะเจาะจงและมี Commercial Intent สูง
Performance Max
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการขยายการเข้าถึงไปยังทุก Network ของ Google
- ใช้ AI ในการหากลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาส Convert สูง
- ต้องมีการเตรียม Asset ที่หลากหลายเพื่อให้ AI เลือกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Display Campaign
- เหมาะสำหรับการสร้าง Brand Awareness
- ใช้ในการ Retargeting ผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์
- เน้นการใช้ Visual Content ที่ดึงดูดความสนใจ
เทคนิคการทำ Keyword Research สำหรับ Google Ads
การค้นหาและเลือกใช้ Keywords ที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จใน Google Ads การทำ Keyword Research ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยทั้งข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือที่เหมาะสม เพื่อค้นหา Keywords ที่ไม่เพียงแต่มี Search Volume สูง แต่ยังต้องสามารถสร้าง Conversion ได้จริง
วิธีค้นหา High-Intent Keywords ที่ตรงเป้าหมาย
การค้นหา Keywords ที่มี Intent สูงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้าง Conversion ให้กับแคมเปญ โดยมีเทคนิคดังนี้
- เริ่มจากการทำ Customer Interview เพื่อเข้าใจภาษาที่ลูกค้าใช้จริงในการค้นหาสินค้าหรือบริการ
- ใช้เทคนิค “Keyword Golden Ratio” โดยค้นหา Keywords ที่มี Search Volume ต่ำถึงปานกลาง แต่มี Commercial Intent สูง ซึ่งมักมีการแข่งขันน้อยกว่าและ Cost Per Click ที่ถูกกว่า
- วิเคราะห์ Search Terms จาก Google Search Console ของเว็บไซต์ที่มี Conversion Rate สูง เพื่อค้นหาคำที่ลูกค้าใช้จริงก่อนการ Convert
- ใช้ประโยชน์จาก Google Keyword Planner ในการหา Related Keywords และ Long-tail Keywords ที่มีความเฉพาะเจาะจง
การใช้ Negative Keywords อย่างชาญฉลาด
Negative Keywords เป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมคุณภาพของ Traffic และประหยัดงบประมาณ มีหลักการใช้งานดังนี้
- สร้าง Negative Keyword List แยกตามประเภท
- Irrelevant Search Terms: คำที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ
- Competitor Terms: แบรนด์คู่แข่งที่ไม่ต้องการให้โฆษณาแสดงผล
- Low-Value Terms: คำที่มี Intent ต่ำ เช่น “ฟรี”, “ดาวน์โหลด”
- ทำการ Review Search Terms Report อย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่ม Negative Keywords ใหม่ๆ
- ใช้ Match Types ของ Negative Keywords อย่างเหมาะสม
- Exact Match: สำหรับคำที่ไม่ต้องการให้แสดงผลเลย
- Phrase Match: สำหรับวลีที่ไม่เกี่ยวข้อง
- Broad Match: สำหรับคำที่มีความหมายกว้างและไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย
เทคนิคการวิเคราะห์ Search Terms Report
Search Terms Report เป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพของแคมเปญ โดยมีวิธีการวิเคราะห์ ดังนี้
- ตรวจสอบ Search Terms ที่มี Conversion Rate สูง
- วิเคราะห์รูปแบบของคำค้นหาที่นำไปสู่การ Convert
- พิจารณาการเพิ่ม Bid สำหรับคำเหล่านี้
- สร้าง Single Keyword Ad Groups (SKAGs) สำหรับ Keywords ที่มีประสิทธิภาพสูง
- ระบุ Search Terms ที่มี Impression สูงแต่ CTR ต่ำ:
- ปรับปรุง Ad Copy ให้ตรงกับ User Intent มากขึ้น
- พิจารณาการปรับ Landing Page ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้
สรุปบทความ
การทำ Google Ads ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการวางแผนที่รอบคอบ การเลือกใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสม และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การเริ่มต้นด้วยการวางรากฐานที่แข็งแรง การสร้าง Campaign Structure ที่มีประสิทธิภาพ และการทำ Keyword Research อย่างละเอียดจะช่วยให้แคมเปญของคุณสามารถสร้าง ROI ได้อย่างยั่งยืน
หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการวางกลยุทธ์ Google Ads ADCHARIYA พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลแคมเปญของคุณด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ติดต่อเราได้ที่ช่องทางด้านล่างเพื่อรับคำปรึกษาฟรี
- เบอร์โทร : 02 028 7768
- Email : analytics@cms.adchariya.co.th
- Line Official Account : @adchariya (มี @ ด้วยนะ)

Leave a Reply