Topical Content คืออะไร ข้อดีข้อเสีย ต่างกับ Evergreen ยังไง

Topical Content คืออะไร ข้อดีข้อเสีย ต่างกับ Evergreen ยังไง

ทุกวันนี้มีกระแสหรือเทรนด์ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งมาเร็ว มาแรง และเกิดขึ้นใหม่ได้ทุก ๆ วัน ดังนั้น การสร้าง Topical Content จึงช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้แบรนด์ของคุณเข้าถึงผู้คนจำนวนมากได้ Topical Content คืออะไร? Topical Content แตกต่างจาก Evergreen Content อย่างไร? บทความนี้รวบรวมคำตอบมาไว้ให้คุณแล้ว นอกจากนี้  ADCHARIYA ก็จะมาแนะนำวิธีสร้าง Topical Content ที่มีประสิทธิภาพให้คุณทราบด้วยเช่นกัน ถ้าอยากเพิ่ม Engagement ตามทันทุกกระแสสังคม ห้ามพลาดบทความนี้!

Topical Content คืออะไร

Topical Content คือเนื้อหาที่สร้างขึ้นตามกระแสความสนใจหรือเทรนด์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนั้น โดยเน้นไปที่การนำเสนออย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ ไม่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลเชิงลึกมากนัก แต่ต้องนำเสนอในช่วงเวลาที่เหมาะสม หากช้าเพียงเล็กน้อยอาจทำให้เนื้อหานั้นตกเทรนด์และไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรได้ ข้อดีของ Topical Content คือช่วยกระตุ้นการมีส่วนร่วม สร้างการแชร์ และเพิ่มการมองเห็นบนโซเชียลมีเดียได้ดีมาก ส่งผลให้เพิ่มปริมาณผู้เข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) ในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) บนโซเชียลมีเดียได้สูง
  • ผลิตได้รวดเร็วและตอบสนองความต้องการของผู้ชมที่อยากรู้ข้อมูลล่าสุด
  • เพิ่มโอกาสในการเป็นไวรัลและดึงดูดผู้ชมใหม่ ๆ เข้ามาพบกับแบรนด์
  • ช่วยแสดงให้เห็นว่าแบรนด์มีความทันสมัยและติดตามเทรนด์ตลอดเวลา
  • สามารถเชื่อมโยงกับสินค้าหรือบริการได้ถ้าเกี่ยวข้องกับกระแสนั้น ๆ 

ตัวอย่าง Topical Content  จาก ADCHARIYA

ตัวอย่าง Topical Content จาก ADCHARIYA เรื่อง Google Search Spam Updates เนื่องจากแอดฉริยะเป็นดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งที่เชี่ยวชาญด้าน SEO โดยตรง เมื่อ Google มีการอัปเดตข้อมูลใหม่ เอเจนซี่อย่างเราก็ต้องปรับตัวให้เหมาะสมกับสิ่งที่ Google ต้องการ การอัปเดตข่าวสารเรื่อง Spam Updates ให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงการทำการตลาดออนไลน์หรือคนทำ SEO รู้ จึงเป็น Topical Content ที่ดีและมีคุณภาพ

Topical Content คืออะไร

ข้อดีของการทำ Topical Content 

การสร้าง Topical Content มีข้อดีหลายข้อที่ช่วยให้แบรนด์ได้เปรียบในการแข่งขันบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีกระแสความสนใจสูง การทำคอนเทนต์ประเภทนี้ช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมโยงกับผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการรับรู้และจดจำแบรนด์ รวมถึงสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขายหรือการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

  • สร้างได้รวดเร็วและง่าย Topical Content สามารถผลิตได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องใช้การวิเคราะห์เชิงลึกหรือค้นคว้าข้อมูลมากมาย ทำให้ประหยัดเวลาและทรัพยากรในการผลิตเนื้อหา
  • เพิ่มการมีส่วนร่วมสูง คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับกระแสปัจจุบันมักได้รับการตอบรับและมีส่วนร่วมสูง เพราะผู้คนกำลังให้ความสนใจและอยากแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ
  • สร้างโอกาสการไวรัล เมื่อคอนเทนต์สอดคล้องกับกระแสที่คนกำลังพูดถึง โอกาสที่จะถูกแชร์และกระจายต่อมีสูงมาก อาจสร้างทราฟฟิกมหาศาลเกินคาดในระยะเวลาอันสั้น
  • แสดงความทันสมัยของแบรนด์ การนำเสนอ Topical Content แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ของคุณมีความทันสมัย เข้าใจกระแสสังคม และพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจ
  • เพิ่มผู้ติดตามใหม่ กระแสความสนใจมักดึงดูดผู้คนหลากหลายกลุ่ม ทำให้คอนเทนต์ของคุณมีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่อาจกลายเป็นลูกค้าหรือผู้ติดตามในระยะยาว
  • ไม่ต้องอิงเทคนิค SEO มากนัก แม้การทำ SEO จะสำคัญ แต่สำหรับ Topical Content ความรวดเร็วและความเกี่ยวข้องกับกระแสมีความสำคัญมากกว่า คุณสามารถโฟกัสที่การนำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจได้เลย

ข้อเสียของการทำ Topical Content 

  • อายุใช้งานสั้น Topical Content จะได้รับความนิยมเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ หลังจากกระแสเริ่มซาลง เนื้อหาก็จะเสื่อมความนิยมและไม่สามารถสร้างมูลค่าได้ในระยะยาว ทำให้การลงทุนในการผลิตอาจไม่คุ้มค่า
  • ต้องคอยติดตามข่าวสารตลอดเวลา การผลิต Topical Content ที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องติดตามข้อมูลข่าวสารและเทรนด์อย่างใกล้ชิด ซึ่งอาจใช้เวลาและทรัพยากรมาก ทำให้ต้องมีทีมงานที่พร้อมผลิตเนื้อหาได้ทันทีเมื่อมีกระแสเกิดขึ้น
  • แข่งขันสูง เมื่อมีกระแสเกิดขึ้น ทุกคนต่างรีบผลิตเนื้อหาเพื่อฉกฉวยโอกาส ทำให้เกิดการแข่งขันสูง หากผลิตได้ช้ากว่าคู่แข่ง โอกาสที่จะได้รับความสนใจจะลดลงอย่างมาก
  • เสี่ยงต่อความผิดพลาดจากความเร่งรีบ การแข่งขันเรื่องความเร็วอาจนำไปสู่ความผิดพลาดในการตรวจสอบข้อมูล ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของแบรนด์ได้
  • สร้างความน่าเชื่อถือได้ยาก การเน้นผลิตแต่ Topical Content อาจไม่ช่วยสร้างความเชี่ยวชาญหรือสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ในระยะยาว เนื่องจากไม่ได้แสดงความลึกซึ้งของเนื้อหาเท่าที่ควร
  • ขาดการสนับสนุนจาก SEO เนื่องจากเป็นเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาสั้น ๆ Google มักไม่ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ประเภทนี้ในระยะยาว ทำให้ไม่สามารถสร้าง Traffic จากการค้นหาได้อย่างต่อเนื่อง

Topical Content มีอะไรบ้าง

  • ข่าวสาร (News) เนื้อหาที่นำเสนอสถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด
  • เทรนด์ยอดนิยม (Trending Topics) เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกระแสที่กำลังได้รับความนิยม
  • เนื้อหาเรียลไทม์ (Real-time Content) นำเสนอข้อมูลแบบทันทีขณะที่เหตุการณ์กำลังเกิดขึ้น
  • บทวิเคราะห์เหตุการณ์ปัจจุบัน (Current Event Analysis) การวิเคราะห์หรือให้ความเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นที่สนใจ
  • เนื้อหาตามฤดูกาลหรือเทศกาล (Seasonal Content) เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาเฉพาะ
  • การเปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ (Product Launches) แนะนำสินค้าใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวสู่ตลาด
  • มีม (Memes) หรือ Meme Marketing คือภาพหรือคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่สะท้อนถึงเหตุการณ์ที่กำลังเป็นที่พูดถึง
  • แฮชแท็กยอดนิยม (Trending Hashtags) เนื้อหาที่สร้างขึ้นตามแฮชแท็กที่กำลังได้รับความนิยม

Topical Content กับ Evergreen Content ต่างกันอย่างไร

Topical Content และ Evergreen Content มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งในแง่ของอายุการใช้งานและวัตถุประสงค์ Topical Content คือเนื้อหาที่เกาะกระแสหรือเหตุการณ์ปัจจุบัน มีความทันสมัยแต่อายุสั้น เหมาะสำหรับสร้างการมีส่วนร่วมและทราฟฟิกระยะสั้น เช่น ข่าวสาร กระแสไวรัล หรือเทรนด์ล่าสุด ส่วน Evergreen Content คือเนื้อหาที่มีความเกี่ยวข้องไม่จำกัดกาลเวลา สามารถอ่านได้ตลอดโดยไม่ล้าสมัย มักเป็นบทความให้ความรู้ คู่มือแนะนำ หรือเนื้อหาที่ตอบโจทย์ปัญหาพื้นฐาน ส่งผลดีต่อ SEO และสร้างทราฟฟิกอย่างต่อเนื่องในระยะยาว การผสมผสานเนื้อหาทั้งสองประเภทจึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำ Content Marketing อย่างมาก

อยากสร้าง Topical Content ต้องทำอย่างไร

การสร้าง Topical Content เป็นกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการเพิ่มการมีส่วนร่วมและความสนใจในระยะสั้น โดยอาศัยกระแสและเหตุการณ์ปัจจุบัน แต่คุณก็ต้องสามารถผลิตเนื้อหาได้อย่างรวดเร็วและทันต่อเหตุการณ์ ซึ่งเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์และมีทรัพยากรพร้อมที่จะตอบสนองต่อเทรนด์อย่างรวดเร็ว

1. ติดตามกระแสและข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ

การรู้ทันเทรนด์เป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง Topical Content คุณควรติดตามข่าวสารผ่านช่องทางที่หลากหลาย ทั้งแพลตฟอร์มโซเชียลยอดฮิต สื่อกระแสหลัก และเว็บไซต์ข่าวในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง การตั้งค่าการแจ้งเตือนจาก Google Alerts หรือใช้เครื่องมือวิเคราะห์เทรนด์อย่าง Google Trends จะช่วยให้คุณรู้ว่าประเด็นใดกำลังเป็นที่สนใจและมีโอกาสที่จะไวรัลได้

2. เชื่อมโยงกับแบรนด์อย่างเหมาะสม

ไม่ใช่ทุกกระแสที่จะเหมาะกับทุกแบรนด์ เลือกประเด็นที่เหมาะสมกับแบรนด์ สินค้าหรือบริการของคุณก็ดีที่สุด การเชื่อมโยงที่ดูฝืดหรือไม่เป็นธรรมชาติอาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดีได้ พยายามมองหามุมที่แตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เพื่อนำเสนอประเด็นในแบบของคุณ แทนที่จะเป็นเพียงการทำซ้ำสิ่งที่คนอื่นกำลังทำ

3. รู้จักเวลาและช่องทางที่เหมาะสม

ความเร็วคืออีกหนึ่งสิ่งสำคัญของ Topical Content ต้องสามารถผลิตและเผยแพร่เนื้อหาได้ในช่วงเวลาที่กระแสกำลังมาแรง หากปล่อยให้ช้าเกินไป กระแสอาจผ่านไปแล้ว การเลือกช่องทางเผยแพร่ก็มีความสำคัญ แพลตฟอร์มที่มีการตอบสนองรวดเร็วอย่าง Facebook Twitter หรือ TikTok อาจเหมาะสมกว่าช่องทางที่ต้องใช้เวลาในการสร้างเนื้อหามากกว่า

4. วางแผนล่วงหน้าสำหรับเรื่องที่คาดการณ์ได้

แม้ว่า Topical Content ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบทันทีทันใด แต่หลายเหตุการณ์ก็สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เช่น เทศกาลสำคัญ การเปิดตัวสินค้าใหม่ที่มีกำหนดการแน่นอน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่มีการประกาศวันที่แล้ว การเตรียมเนื้อหาไว้ล่วงหน้าจะช่วยให้คุณสามารถโพสต์คอนเทนต์ได้ทันที

5. วิเคราะห์ผลตอบรับและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากเผยแพร่เนื้อหาแล้ว ควรติดตามผลตอบรับอย่างใกล้ชิด ข้อมูลเชิงลึกจากการมีส่วนร่วม การแชร์ และความรู้สึกของผู้ชมจะช่วยให้คุณเข้าใจว่าเนื้อหาประเภทใดที่ประสบความสำเร็จ และอะไรที่ควรปรับปรุงสำหรับครั้งต่อไป นำบทเรียนที่ได้มาพัฒนากลยุทธ์การสร้าง Topical Content ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สรุป

จากที่กล่าวมา Topical Content คือการทำเนื้อหาที่ตอบสนองกระแสความสนใจในช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งมีข้อดีตรงที่ทำได้เร็วและดึงดูดคนได้มาก แต่ก็มีข้อเสียคือเนื้อหาจะหมดความนิยมเร็วเมื่อกระแสผ่านไป ต่างจาก Evergreen Content ที่ใช้ได้นานไม่ล้าสมัย ทั้งนี้ทั้งนั้น การทำ Content Marketing ไม่ได้มีสูตรตายตัวว่าควรเลือกทำแบบไหน การผสมผสานทั้งสองแบบให้เหมาะกับธุรกิจจะช่วยทั้งสร้างการรับรู้ในระยะสั้นและความน่าเชื่อถือในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ สรุปเลยว่าคุณควรทำทั้ง Topical Content และ Evergreen Content ควบคู่กันไป